นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีการบริจาคพลาสม่าของผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว นำมารักษาผู้ป่วยรายใหม่ว่า ทราบข้อมูลเบื้องต้นจากศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยว่า มีผู้สนใจมาบริจาคแล้วประมาณ 70 คน ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่กทม.ที่รักษาหายแล้ว โดยต้องไม่มีเชื้อในเสมหะ คอ, ระบบทางเดินหายใจ และในเลือด และยังต้องปฎิบัติตัวไม่ต่างจากผู้บริจาคเลือดทั่วไป ซึ่งการบริจาคนี้จะนำแค่น้ำเหลืองของผู้ป่วยมาใช้เท่านั้น เม็ดเลือดต่างๆ จะคืนให้ผู้บริจาคดั่งเดิม
การบริจาคพลาสม่าในผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว ทำได้ทุก ๆ 2-4 สัปดาห์ และต่อเนื่องได้นานถึง 3-4 เดือนเท่านั้น เพราะหากเลยระยะเวลาเหล่านี้ เชื้อในร่างกาย ที่เข้มข้นจะจางลง และกลายเป็นภูมิต้านทานต่ำ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการผู้ป่วยรักษาหายแล้วไม่นานเกิน 3-4 เดือนเท่านั้น แต่พลาสม่าที่ได้สามารถเก็บได้นานถึง 1 ปี ด้วยระบบการแช่แข็งเมื่อจะนำมาใช้ สามารถนำมาละลายใช้ได้ โดยข้อบ่งชี้ของการนำพลาสม่ามารักษา ต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรง และต้องมีกรุ๊ปเลือดที่ตรงกัน
- เพิ่มเป็น 29 จังหวัดแล้ว ! ไม่พบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ รอบ 14 วัน
- อู่ฮั่นใช้ ‘น้ำเลือดอดีตผู้ป่วย’ รักษาคนติดเชื้อโควิด-19 กว่า 500 ราย
- ข่าวดี! ‘ภูเก็ต’ ไม่พบติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม ผู้ป่วยเดิมรักษาหาย 7 คน
สำหรับประสงค์บริจาคพลาสม่านั้น นอกจากต้องป่วยโควิด-19 รักษาหายแล้ว และกักอยู่บ้าน 14 วัน ต้องเป็นคนที่อาศัยในพื้นที่ กทม. สามารถลงทะเบียนอยากบริจาคได้ที่ศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จากนั้นรถบริจาคจะได้รับเลือดที่พักของผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว โดย 1 คน สามารถบริจาคพลาสม่าได้มากถึง 400-500 ซีซี ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้บริจาค จากนั้นจะนำพลาสม่ามาตรวจดูระดับความเข้มข้นของภูมิคุ้มกัน และ แบ่งพลาสม่าเป็นถุงละ 250 ซีซีเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ต่อไป แต่จนถึงขณะนี้จำนวนผู้บริจาคยังมีไม่มาก และยังไม่ได้นำไปใช้รักษาผู้ป่วย