Business

กสิกรไทย ผุดโครงการ ‘เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ’ ทุ่ม 500 ล้าน อุ้มพนักงานรายได้น้อย 1.5 หมื่นคน

กสิกรไทย โดดอุ้มพนักงานรายได้น้อย เปิดโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” ประเดิมจับมือ โรงแรมในเครือกะตะธานีและเครือกะตะกรุ๊ป จ่ายเงินพนักงานโรงแรมให้อยู่รอดในวิกฤติโควิด-19 ตั้งเป้าช่วย 1.5 หมื่นคนทั่วประเทศ คาดใช้งบกว่า 500 ล้านบาท

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ถือว่าเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบทั่วประเทศและทั่วโลก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าพัก ทำให้หลายโรงแรมต้องหยุดกิจการชั่วคราว  ส่งผลกระทบถึงคนข้างล่างในระบบ คือ พนักงานที่มีเงินเดือนระดับ 10,000-15,000 บาท ที่อาจต้องตกงานจากการลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการโรงแรมที่ไม่มีรายได้เข้ามาในธุรกิจ

S 25518153

 

ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทย จึงริเริ่มโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” ขึ้น เพื่อช่วยประเทศไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ด้วยการช่วยคนระดับล่างในระบบหรือพนักงาน ให้สามารถประคองชีวิตให้อยู่รอดได้ และรอให้อุสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อได้ทันที หลังจากผ่านพ้นภาวะวิกฤติแล้ว

แนวคิดของโครงการดังกล่าว จะประกอบด้วยสองส่วนสำคัญคือ เถ้าแก่ใจดี หรือผู้ประกอบการโรงแรมที่มีคุณธรรม และ เจ้าหนี้ที่มีกำลังช่วยเหลือ ซึ่งก็คือธนาคารกสิกรไทย โดยจะช่วยกันออกงบประมาณคนละ 50% เพื่อรักษาพนักงานไว้ เช่น เงินเดือน 10,000 บาทต่อคน โดยผู้ประกอบการจะออก 5,000 บาท และ ธนาคาร 5,000 บาท เพื่อช่วยเหลือในระยะเวลา 6 เดือน

S 25485334
บัณฑูร ล่ำซำ

ทั้งนี้ได้เริ่มโครงการร่วมกับ 2 ผู้ประกอบการโรงแรมรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ โรงแรมในเครือกะตะธานี และโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป และจะขยายผลไปยังธุรกิจอื่นๆ ในจังหวัดภูเก็ตที่มีผู้ประกอบการ 127 รายที่สามารถเข้าร่วมโครงการ ซึ่งธนาคารคาดว่าจะใช้งบประมาณช่วยเหลือ 100 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยพนักงาน 3,000 คน เป็นระยะเวลา 6 เดือนในจังหวัดภูเก็ต

นอกจากนี้ ยังพิจารณาขยายโครงการไปยังโรงแรมอื่นๆ ทั่วประเทศที่สนใจเข้าร่วมโครงการ โดยวางเป้าหมายช่วยเหลือพนักงาน 15,000 คน ภายใต้งบประมาณของธนาคาร 500 ล้านบาท

S 25485330

 

นายบัณฑูร กล่าวว่า นอกจากโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” ที่ช่วยคนข้างล่างในระบบธุรกิจแล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังมีโครงการใหญ่ที่ร่วมมือกับรัฐบาลในการปล่อยกู้เพื่อช่วยกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีในรูปแบบอื่นๆ ด้วย

“ภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น ธนาคารยังมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง สามารถรับแรงกระแทกได้ แต่อย่าไปคาดหวังกำไร ดังนั้นเงินช่วยเหลือต่างๆ ทั้งจากที่ธนาคารดำเนินโครงการเอง และโครงการที่ร่วมกับรัฐบาลช่วยเหลือคนระดับล่าง ต้องมีระบบที่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า สามารถช่วยเหลือจะส่งไปถึงคนข้างล่างได้ตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง แต่โจทย์ใหญ่ขณะนี้คือ ยังขาดความชัดเจน” นายบัณฑูร กล่าว

S 25460751

 

สำหรับมาตรการช่วยเหลือในโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” ในส่วนของผู้ประกอบการ ได้แก่ วงเงินสินเชื่อเดิม โดยจะลดดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือนและพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน ขณะที่วงเงินสินเชื่อใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและดูแลพนักงาน จะให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ

ด้านมาตรการช่วยเหลือพนักงานนั้น จะแบ่งเป็น

1. บัตรเครดิตกสิกรไทย และบัตรเงินด่วน จะลดดอกเบี้ย 6% ถึงเดือนกันยายน 2563

2. สินเชื่อเงินด่วน จะลดดอกเบี้ย 6% ถึงเดือนกันยายน 2563, พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน

3. สินเชื่อบ้าน พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน

4. สินเชื่อรถยนต์ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน

S 25460739
สมบัติ อติเศรษฐ์

นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือกะตะธานี กล่าวว่า วิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ยอมรับว่าหนักและยาก เนื่องจากเกิดขึ้นทั่วโลกซึ่งในส่วนของกะตะธานี ที่ปัจจุบันมีโรงแรมใน 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และเชียงราย มีจำนวนพนักงานรวม 1,800 คน

“เมื่อ 20 ปีก่อน เราได้วาง “กะตะธานีโมเดล” เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และสร้างความยั่งยืนในอนาคต ทำให้พนักงานทุกคนของกะตะธานี มีความพร้อมที่จะฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โรงแรมได้ออกประกาศตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าจะไม่มีการลดพนักงาน โดยยังคงรายได้ เงินเดือน และสวัสดิการต่างๆ เหมือนเดิม ซึ่งโครงการของธนาคารกสิกรไทย จะเข้ามาช่วยสร้างความมั่นใจในการรักษาพนักงานของเราเอาไว้ ถ้าพนักงานอยู่ได้ เราก็อยู่ได้” นายสมบัติ กล่าว

กะตะธานี

ทั้งนี้ มองว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะอีกยาว ไม่ใช่แค่เพียง 3 เดือน แต่อาจจะยาวนาน กว่า 18 เดือน จึงจำเป็นอย่างยิ่งว่าต้องมีแผนตั้งรับ ตั้งเผื่อ อย่าประมาณ มองอดีต ปัจจุบัน อนาคต ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรเพื่อให้ทุกคนอยู่รอดได้ และพร้อมกลับมาทันทีเมื่อวิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว

ขณะที่นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป มีจำนวนพนักงานประมาณ 2,000 คน จากโรงแรม 8 แห่ง ในจังหวัดภูเก็ต, เขาหลัก, พังงา กระบี่ และสุราษฏร์ธานี ซึ่งวิกฤติที่เกิดขึ้นถือเป็นภาระหนัก แต่จากการผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง ทำให้มีการวางแผนและมาตรการรับมือกับปัญหา สามารถยืนระยะยาวได้นานขึ้น ปัจจุบันได้ปิดบริการชั่วคราวโรงแรมทุกแห่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

S 25460746
ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย

สำหรับความช่วยเหลือของโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ป จะยังคงจ่ายเงินเดือนพนักงานเช่นเดิม แต่ยอมรับว่าสำหรับพนักงานระดับสูงอาจได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะมองเห็นปัญหาและหามาตรการมาช่วยพนักงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่ได้รับความเดือดร้อน

“เราเชื่อ 1000% ว่า รัฐบาลไม่ปล่อยให้ธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ตล่มสลาย เพราะเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีส่วนช่วยระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเชื่อมั่นว่าธุรกิจท่องเที่ยวมีโอกาสฟื้นตัวแน่นอน เมื่อวิกฤติไวรัสโควิด-19 หมดไป ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องทำคือ รักษาพนักงานที่เป็นทรัพย์สินที่มีค่าเอาไว้ เพื่อวันที่ธุรกิจกลับมาฟื้นตัวจะสามารถเดินหน้าต่อได้ทันที และเป็นการมาด้วยใจเมื่อบริษัทไม่ทอดทิ้งในยามวิกฤติ” นายประมุขพิสิฐ กล่าว

เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ pic 1

นายบัณฑูร กล่าวปิดท้ายว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะลากยาวแค่ไหน หรือจบเมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยสำคัญคือ การพัฒนาคิดค้นยารักษาโรคได้ และการพัฒนาความสามารถในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการที่ต้องล้ำหน้ากว่าเดิม มีองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน

“ที่สำคัญคือ ในระหว่างทางที่เกิดวิกฤติ ต้องช่วยกันประคองคนข้างล่างให้อยู่รอดได้ ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีกำลังทรัพย์ มีปัญญา มาช่วย ดังที่ในหลวงร.9 ท่านตรัสไว้ว่า ประเทศไทยมีสิ่งที่ดีคือ “การให้” คนที่มีต้องให้คนที่ไม่มี แล้วเราจะอยู่รอดด้วยกันทั้งหมด” นายบัณฑูร กล่าว

Avatar photo