ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (15 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงอย่างหนัก จากการดิ่งลงของยอดค้าปลีก และรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของภาคธุรกิจที่มืดหม่น ยิ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ถึงภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุด นับแต่ยุค “เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่” (Great Depression)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 23,320.09 จุด ร่วงลง 629.67 จุด หรือ 2.63% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,774.24 ลดลง 71.82 จุด หรือ 2.52% และดัชนีแนสแด็กที่ 8,375.37 จุด ร่วงลง 140.37 จุด หรือ 1.65%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกดิ่งลงถึง 8.7% หนักสุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 8.0% หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนกุมภาพันธ์
ยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดร้านค้า ขณะที่ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และลดการใช้จ่าย รวมทั้งลดการเดินทาง ซึ่งทำให้ยอดขายของสถานีบริการน้ำมันดิ่งลง
โกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา ยังเป็นแกนนำขาลงของตลาดในวันนี้ ด้วยราคาหุ้นที่ดิ่งลงราว 4-5% หลังรายงานกำไรร่วงลงอย่างมากในไตรมาส 1 ปั 2563 เพราะผลกระทบของโควิด-19
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ร่วงลง 36 เซนต์ หรือ 1.79% มาอยู่ที่ 19.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ท่ามกลางความกังวลถึงภาวะน้ำมันล้นตลาด ในช่วงเวลาที่ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกซบเซาอย่างหนัก เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19
