COVID-19

ครอบครัวไทยยุคโควิด-19 ใช้ชีวิต ‘พอเพียง’ มากขึ้น

พม. เผยผลสำรวจครอบครัวไทยช่วงวิกฤติโควิด -19 ชี้ 60.1% เริ่มใชัชีวิตพอเพียงมากขึ้น ขณะที่เกือบ 100% สวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน ห่วงปัญหาเศรษฐกิจ้ริ่มส่งผลคนหงุดหงิด โมโหง่าย เริ่มทำร้ายคนในครอบครัว

เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ และวันครอบครัว 14 เมษายนนี้ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ทำการสำรวจ “ครอบครัวไทย” ในภาวะวิกฤติโควิด-19 จากประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 2,069 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10 – 13 เม.ย. 2563 พบว่า  จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้สมาชิกครอบครัวส่วนใหญ่ สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้านถึง  96.4%

grandmother 1822564 1280

นอกจากนี้ยังพบว่า ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน ไม่ไปอยู่ในสถานที่สาธารณะที่มีผู้คน แออัด และหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงสังสรรค์  88.3% มีการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว และล้างมือบ่อยมากขึ้น ถึง 84.3% และหากรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยจะกักตัวเองให้ห่างจากครอบครัวและผู้อื่นทันที 83.6%

ที่สำคัญคือ จากภาวะวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้ประชาชนกว่า 6 ใน 10 หรือ  60.1% มีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียงมากขึ้น รวมทั้งยังพบว่า มีการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเฝ้าระวังและการป้องกันโรคโควิด-19  อยู่ที่ 82.5% และมีการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด  82.7% โดยสมาชิกครอบครัวกว่า 3 ใน 4 มีการสังเกต อาการของตนเองและคนในครอบครัวอยู่เสมอ  77.6% และมีการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอ 75%

การอยู่ร่วมกัน

 

สำหรับกิจกรรมที่สมาชิกครอบครัวทำขณะอยู่บ้าน (Stay at home) ได้แก่ การติดตามข่าวสารบ้านเมืองและข่าวสถานการณ์โควิด-19 มากที่สุดถึง 67% ตามด้วย การฟังเพลง วิทยุ ดูโทรทัศน์ วีซีดี ดีวีดี ฯลฯ 33.9% การทำงานที่บ้าน 24.3% การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ  24.3% การมีส่วนร่วมช่วยเหลือ สังคมด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น บริจาคเงิน ทำบุญ และงานจิตอาสา 23.7% เล่นเกมออนไลน์ 22% อ่านหนังสือ 13.1% และใช้เวลากับการทำงานประดิษฐ์ และงานฝีมือ  9.7%

ขณะที่กิจกรรมของครอบครัวที่ทำขณะอยู่บ้าน พบว่า 98.8% ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและข่าวสถานการณ์โควิด-19 และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น บริจาคเงิน ทำบุญ จิตอาสา 85.6% มีการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้น  82%  อ่านหนังสือทุกประเภท 76.5% และที่น่าสนใจคือ สมาชิกครอบครัว 7 ใน 10 คน ทำงานที่บ้าน (Work from Home)

กิจกรรม

ประเด็นที่น่าเป็นห่วง ความเครียดจากวิกฤติโควิด-19 โดยพบว่า แม้สมาชิกครอบครัว 56.4 จะสามารถควบคุมการใช้อารมณ์รุนแรงหรือไม่ใช้อารมณ์รุนแรงกับคนในครอบครัว แต่มีครอบครัวไทย 5.8% ที่เมื่อมีความหงุดหงิดและโมโหแทบไม่สามารถควบคุมการใช้อารมณ์กับคนในครอบครัวได้เลย ซึ่งในจำนวนนี้พบว่า 0.9% ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายกัน จนได้รับบาดเจ็บ

อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ มีครอบครัวไทยเพียง 23.4% ที่ไม่มีปัญหาด้านการเงินและสามารถดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ของครอบครัวได้ในภาวะวิกฤตนี้ และครอบครัว 14.7% มีปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะแทบไม่สามารถจัดการด้านการเงินและค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้เลย รวมไปถึงการที่ครอบครัวไทยมีผู้สูงอายุ มีผู้ป่วย หรือคนทำงานที่เสี่ยงกับการติดโรคระบาด 13.8% โดย 29.8% มีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง

รวม

ทั้งนี้ ยังมีแง่มุมดีๆ ที่เกิดขึ้นจากการอยู่ร่วมกันของครอบครัวในภาวะวิกฤติ โดยพบว่า สถาบันครอบครัว คือสถาบันที่มีความสำคัญมากที่สุดถึง  94.6% รองลงมา คือ รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว  84% นอกจากนี้ 68.9% มีการตัดสินใจ เรื่องต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัว และ 59.9% สามารถคุยกับครอบครัวได้ทุกเรื่อง

อย่างไรก็ตาม พบว่า สมาชิกครอบครัว เพียง 1 ใน 2 หรือ 53.2% ที่มีการวางแผนชีวิต การเรียน การทำงาน และอนาคตของครอบครัว ขณะที่ ครอบค00รัวมีการเว้นระยะห่าง แต่มีการแสดงความรัก ความเอาใจใส่กันอย่าง สม่ำเสมอ เพียง 47.2% สำหรับการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวอยู่ในระดับปานกลาง หรืออยู่ที่ 35.3%

Avatar photo