Technology

เด็กไทยเสี่ยง ‘ภัยออนไลน์’ แนะพัฒนา ‘ทักษะ DQ’ ฉลาดใช้ดิจิทัล

จากวิกฤติแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดมาตรการ Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ส่งผลให้วิถีชีวิตของทุกคนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เมื่อทุกคนจะต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้าน โลกดิจิทัลออนไลน์จึงเข้ามามีบทบาทในการตอบสนองไลฟ์สไตล์ และกิจวัตรประจำวันของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ดังนั้นการตระหนักถึงภัยคุกคามจากสื่อออนไลน์ และการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลจึงจำเป็นที่ทุกคนในสังคมต้องให้ความสำคัญ

นัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าแผนกงานพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ปัจจุบัน เด็กไทยเสี่ยงภัยบนโลกออนไลน์มากขึ้น  ดังนั้นการเสริมภูมิคุ้มกัน และจิตสำนึกบนโลกออนไลน์ จะเป็นการสร้างเกราะกำบังที่แข็งแกร่งทั้งในด้านภูมิปัญญา (Intellectual) และด้านจิตใจ อีกทั้งถือเป็นการติดอาวุธเสริมทักษะของคนไทยในยุคแห่งดิจิทัล (Digital Nation) อีกด้วย

นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร
นัฐิยา พัวพงศกร

ทั้งนี้ จากรายงานของ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ระบุว่า ในปี 2562 เด็ก Generation Z มีอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตในวันหยุดเฉลี่ยอยู่ที่ 12 ชั่วโมง 1 นาทีต่อวัน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เยาวชนที่ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงผลกระทบอีกด้านที่ตามมาคือ ภัยบนโลกไซเบอร์

เห็นได้จากผลสำรวจดัชนีชี้วัดความปลอดภัยบนสื่อออนไลน์สำหรับเด็ก (COSI ; Child Online Safety Index) ซึ่งจัดทำโดยสถาบัน DQ (DQ Institution) ที่เอไอเอสได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ นำชุดการเรียนรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล DQ มาให้คนไทยได้ใช้งานฟรีนั้น จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนตั้งแต่ปี  2560 – 2562 จำนวน 145,426 คน ใน 30 ประเทศสมาชิก พบว่า จำนวน 2 ใน 3 ของเด็ก กำลังเผชิญอันตรายในโลกไซเบอร์

ขณะที่ผลสำรวจในประเทศไทยพบว่า เด็กไทยมีความเสี่ยงในโลกไซเบอร์ที่น่าเป็นห่วง 3 ประการ ได้แก่ 1. การถูกรังแกบนออนไลน์ (Cyberbullying) เช่น การโพสต์ดูหมิ่นกลั่นแกล้ง การร่วมกันเพิกเฉยและชักชวนให้คนอื่นไม่คบหาพูดคุยด้วยในออนไลน์ 2. การกระทำที่จะทำให้เสียชื่อเสียง (Reputation Risks) เช่น การโพสต์ประจานล้อเลียน การโพสต์รูปหรือคลิปที่แอบถ่ายหรือไม่เหมาะสมเพื่อสร้างความขบขัน ให้ผู้อื่นอับอาย และ 3. ความเสี่ยงในการติดต่อออนไลน์ (Risky Contacts) เช่น การถูกล่อลวงเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือข้อมูล และการล่อลวงเพื่อทำไปสู่การคุกคามในชีวิตจริง

200414 Pic05

นอกจากนี้ยังพบอีกว่า เด็กไทยควรได้รับการพัฒนาความสามารถในการใช้สื่อและอุปกรณ์ดิจิทัล ใน 4 ประการ ได้แก่ 1. การสร้างอัตลักษณ์ออนไลน์ (Digital Citizen Identity) ใช้ตัวตนจริงบนโลกออนไลน์ไม่ปลอมแปลงโปรไฟล์, 2. การรับมือเมื่อถูกรังแกออนไลน์ (Cyberbullying Management) สามารถรับมือและจัดการกับการถูกรังแกบนโลกออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม, 3. การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) สามารถคิดวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลที่ปรากฏในโลกออนไลน์ได้ และ 4. การจัดการกับข้อมูลส่วนตัว (Privacy Management) สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้อย่างเหมาะสม

ดังนั้น ทุกภาคส่วนในสังคม ควรมีบทบาทสำคัญที่จะต้องช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดของภัยในโลกไซเบอร์ โดยร่วมมือกันกำหนดให้ความปลอดภัยสำหรับเด็กบนออนไลน์เป็นนโยบายสำคัญ ส่งเสริมให้มีหลักสูตรบทเรียนที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้กับเด็กๆ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ผู้ปกครองเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดในการลดอันตรายในโลกออนไลน์ วิธีที่ใช้แล้วเห็นผลมากที่สุด คือพ่อแม่อบรมลูกให้มีระเบียบวินัยในการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลตั้งแต่ลูกยังเล็ก และโรงเรียนมีหน้าที่สำคัญในการสอนเรื่องการเป็นพลเมืองดิจิทัล

สำหรับโครงการอุ่นใจไซเบอร์ ได้แนะนำการพัฒนาทักษะความฉลาดทางดิจิทัล (DQ) ให้เด็กไทย ด้วยชุดการเรียนรู้ 8 ทักษะการเอาตัวรอดและรับมือภัยบนโลกออนไลน์ ใน 8 ด้านหลัก ได้แก่

200414 Pic01

1. Digital Identity (อัตลักษณ์ออนไลน์) ตัวตนในโลกออนไลน์ให้เหมือนตัวจริง คิด พูด ทำ อย่างถูกต้อง

2. Digital Use (ยับยั้งชั่งใจ) สามารถควบคุมเวลาตัวเอง ในการใช้งานหน้าจอต่างๆ ได้

3. Digital Safety (เมื่อถูกรังแกออนไลน์) รู้ตัวเมื่อถูกกลั่นแกล้งคุกคาม และสามารถรับมือพร้อมวางตัวได้เหมาะสม

4. Digital Security (ท่องเน็ตอย่างปลอดภัย) สามารถปกป้องตัวเองโดยใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งสามารถแยกแยะโปรแกรมหลอกลวง Spam, Scam และ Phishing ได้

5. Digital Emotional Intelligence (ใจเขา – ใจเรา) คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น ไม่ด่วนตัดสินใครบนโลกออนไลน์

200414 Info01 8 ทักษะอยู่บนโลกออนไลน์ให้ปลอดภัย

6. Digital Communication (รู้ถึงผลที่จะตามมา) สิ่งที่เคยโพสต์ในออนไลน์ ถึงลบแล้วก็จะยังคงอยู่เสมอ และทำให้เราเดือดร้อนในวันข้างหน้าได้

7. Digital Literacy (คิดเป็น) แยกแยะข่าวสารได้ ว่าข่าวไหนเป็นข้อมูลเท็จ ข่าวไหนเป็นจริง

8. Digital Right (รู้สิทธิและความเป็นส่วนตัว) รู้จักสิทธิมนุษยชนและสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวได้

ทั้งนี้ เอไอเอสได้ร่วมกับสถาบัน DQ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล ที่ศึกษาและวิจัยพัฒนาชุดการเรียนรู้ DQ สำหรับเด็กทั่วโลก โดยเปิดให้ทุกครอบครัว ทุกเครือข่าย (ไม่เฉพาะระบบเอไอเอส) สามารถเข้าไปเรียนรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล DQ ที่จำเป็นทั้ง 8 ด้าน ในรูปแบบของอินเตอร์แอคทีฟมัลติมีเดีย และแอนิเมชันสนุกๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.ais.co.th/dq โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

Avatar photo