COVID-19

‘ศพ’ ล้นเมือง ทั่วโลกหาวิธีจัดการร่างเหยื่อ ‘โควิด-19’

ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้หลายประเทศประสบปัญหาขาดแคลนหลุมฝังศพ และสถานที่เก็บรักษาศพเหล่านี้ จึงทำให้ต้องเร่งหาวิธีมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว

EVPcoiAU8AI2scj
ภาพ : Twitter @redfishstream

รัฐนิวยอร์ก ศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ  มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 มากถึง 7,844 คน ทำให้ต้องเร่งจัดหาหลุมฝังศพผู้เสียชีวิต ที่ล่าสุดพบว่าต้องมีการขุดหลุมฝังศพขนาดมหึมาเพื่อรองรับจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น

ภาพที่ถ่ายโดยใช้โดรนบันทึกจากเกาะฮาร์ต นอกเขตบรองซ์ ในนครนิวยอร์กชี้ให้เห็นว่า พนักงานซึ่งสวมชุดป้องกัน ต้องใช้บันไดช่วยในการลำเลียงโลงศพลงหลุมขนาดมหึมาดังกล่าว

ตามปกติแล้ว เกาะฮาร์ตเป็นเกาะที่ใช้เป็นที่ฝังศพไร้ญาติ หรือผู้เสียชีวิต ที่ครอบครัวไม่มีทุนทรัพย์พอจะจัดงานศพให้ได้ คนที่ทำหน้าที่ฝังศพคือนักโทษจากเรือนจำ แต่หน่วยงานราชทัณฑ์ของรัฐบอกว่าจำนวนศพที่มีมากขึ้น ทำให้ต้องมอบงานให้ผู้รับเหมาช่วงจัดการแทน

สถานการณ์ทำนองเดียวกันนี้ เกิดขึ้นกับหลายเมืองในสหราชอาณาจักร ที่มียอดเสียชีวิตทั่วประเทศที่ 8,958 คน  เช่นกัน  จนต้องดัดแปลงสถานที่หลายแห่งมาเป็นที่เก็บศพชั่วคราว เช่นที่เมืองมิลตัน

icerink
สเปนดัดแปลงลานสเก็ตน้ำแข็ง เป็นสถานที่เก็บศพผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19

คีนส์ มีการเตรียมความพร้อมดัดแปลงลานสเก็ตน้ำแข็งในเมือง ไว้รองรับศพผู้เสียชีวิต ที่คาดว่าจะรองรับได้หลายร้อยศพ ในกรณีที่บริษัทจัดการศพไม่มีกำลังพอจะจัดการได้

โฆษกเทศบาลเมืองมิลตันคีนส์บอกว่าลานสเก็ตน้ำแข็งมีความเหมาะสม และสามารถดัดแปลงได้รวดเร็วกว่าอาคารประเภทอื่น

ขณะนี้เมืองเชสเชียร์ก็เป็นอีกแห่งที่เริ่มเตรียมใช้ลานสเก็ตเป็นที่เก็บศพชั่วคราว เช่นเดียวกับที่สเปนซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวนมาก ก็ได้ดัดแปลงลานสเก็ตน้ำแข็งแห่งหนึ่งในกรุงมาดริดไว้เก็บศพชั่วคราวเช่นกัน

นอกจากนี้เมืองเบอร์มิงแฮมกำลังปรับปรุงโรงเก็บเครื่องบินในสนามบินเบอร์มิงแฮมเพื่อใช้เก็บศพ โดยคาดว่าจะรองรับได้ราว 1,500 ศพ

ES6eVQTXYAETRm3
ภาพ : Twitter @washingtonpost

ขณะภาพถ่ายจากดาวเทียม แสดงให้เห็นว่า ทางการอิหร่านได้จัดหาพื้นที่จำนวนมหาศาลสำหรับใช้ฝังศพเหยื่อไวรัสโควิด-19 ที่ล่าสุด อิหร่านมียอดสะสมผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสนี้มากถึง 4,232 รายแล้ว

ที่มา :  BBC

Avatar photo