นักโภชนาการเตือนภัย แห่กักตุนอาหาร ระวังกลุ่มโซเดียมสูง เสี่ยงไตพัง
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ประธานชมรมโภชนวิทยามหิดล เปิดเผยว่า หลังจากการประกาศปิดห้างร้านต่างๆ ทำให้คนส่วนใหญ่เฮโล กันไปกักตุนอาหารกันมากมาย โดยอาหารยอดฮิตคงหนีไม่พ้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋อง ผักกาดดอง โจ๊กซอง และอาหารสำเร็จแช่เเข็ง ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารไฮโซเดียม ที่เปี่ยมไปด้วยความเสี่ยง ต่อความดันโลหิตสูง แถมไตต้องมาทำงานหนักขับออกอีกด้วย
ทั้งนี้ ตัวอย่างเช่น ปริมาณโซเดียมในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ซอง อยู่ที่ ~ 1,500 มก. และหากใส่กับปลากระป๋องลงไปอีก 1 กระป๋อง จะทำให้เพิ่มปริมาณโซเดียม เข้าไปอีกประมาณ 600 มก. รวมโซเดียมถึง 2,100 มก. เกินโควต้า ที่วันหนึ่งแนะนำไม่ให้กินเกิน 2,000 มก.
ดังนั้น อาหารที่กักตุน ต้องไม่เสี่ยงให้ความดันขึ้น ไตทำงานหนัก สกัดโรคเรื้อรัง จากการกินอาหารโซเดียมสูง พลังงานสูง และไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายไปไหน ทำให้น้ำหนักขึ้นไขมันสูง ความดันเพิ่ม
ผศ.ดร.เอกราช แนะนำว่า ลองเปลี่ยนเป็นกักเก็บ ในหมวดคาร์โบไฮเดรต เป็นวุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หมวดโปรตีน เป็นเนื้อปลาสด (แล่เป็นชิ้นแช่แข็งไว้) ไข่ไก่ ถั่ว ธัญพืชต่างๆ เต้าหู้ถั่วเหลือง ถ้าเป็นทูน่ากระป๋อง ก็เลือกแบบเเช่ในน้ำแร่ หมวดไขมัน เลือกน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว
ขณะที่หมวดผักผลไม้ เลือกผักผลไม้ที่เก็บได้ทน เช่น บล็อคโคลี่ กระหล่ำปลี กระหล่ำดอก แครอท ไชเท้า คะน้า โดยอาจเอาผักมาทำความสะอาดและหั่นใส่ถุงเป็นแพ็คๆ เเช่เเข็งไว้พร้อมออกมาปรุงประกอบ ผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล กล้วย อโวกาโด ฯลฯ
“ควรเก็บไว้ให้กินได้สัก 7-10 วัน แล้วค่อยออกไปซื้อมาเก็บใหม่ มิต้องตุนแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป + ปลากระป๋อง กันมากมาย ได้แต่แป้ง พลังงานและโซเดียมสูง แถมไม่มีใยอาหาร เพราะสุดท้าย อาจจะรอดจากโควิด แต่หวุดหวิด เป็นโรคเรื้อรังครับ”ผศ.ดร.เอกราช กล่าว
