“บัณฑูร ล่ำซำ” มั่นใจฝีมือทีมบริหารใหม่ พาองค์กรผ่านวิกฤติได้ พร้อมยันไม่มีแนวคิดจะลงเล่นการเมือง
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยครั้งแรกผ่าน kbank live หลังลาออกจากทุกตำแหน่งในธนาคารกสิกรไทย โดยกล่าวถึงการลาออกครั้งนี้ว่า เป็นแผนที่วางไว้และเตรียมความพร้อมมาแล้วระยะหนึ่งแล้ว และมีความมั่นใจจะส่งไม้ต่อให้กับผู้บริหารคนใหม่และคณะทำงานทุกคน ซึ่งการวางมือช่วงวิกฤตินี้ไม่ใช่การทิ้ง แต่เพราะมั่นใจทุกคนว่าจะสามารถพาองค์กรผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ โดยหลังจากนี้จะไปทำงานด้านสิ่งแวดล้อม การดูแลป่าต้นน้ำ โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐและฝ่ายการเมืองที่ได้รับอำนาจจากรัฐบาล แต่ไม่มีแนวคิดจะลงเล่นการเมือง
อย่างไรก็ตาม มองว่า วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้มีความแตกต่างกับวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งครั้งนั้นเกิดขึ้นจากความโลภของมนุษย์ที่มากเกินไป ในช่วงเวลานั้นทุกคนพยายามแก้ปัญหาจากวิกฤติเศรษฐกิจ และจำได้ว่าทุกวันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี พระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จออกที่ศาลาดุสิตนาลัยก่อนวันเฉลิมพระชนม์พรรษา เพื่อพระราชทานพระราชดำรัสให้คนไทยทั้งประเทศ
แต่ผมโชคดีได้นั่งในศาลาดุสิต เรียกว่าเป็นบุญโขบุญตาเป็นบุญปรัชญาที่ได้ฟังจากพระเจ้าอยู่หัวโดยตรงถึงปัญหาและทางออกที่คนไทยจะคำนึงถึง ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่อยู่บนฟ้าทรงกระทำต่อเนื่องช่วงที่มีพระพลานามัยแข็งแรง ด้วยความมีเมตตามหาศาลกับคนไทยทั้งประเทศ ที่เผชิญปัญหาต่าง ๆ
ในครั้งนั้นทรงแนะนำปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียงให้คนไทยเข้าใจ ก่อนหน้านั้นไม่มีปัญหาใหญ่อะไรก็ดีไปหมดจนเกิดปัญหาวิกฤติให้รู้ว่าความเสียหายเกิดขึ้น พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริฯ ไม่ว่าจะทำอะไรกันก็ตามขอให้แน่ใจว่า ถ้าวันหนึ่งพายุมาก็ไม่ถึงกับล่ม หมายความว่า อย่าทำจนสุดโต่งเกินตัว ทุกอย่างต้องเตรียมการ เพราะโลกมนุษย์มีความผันแปรไปด้วยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ถ้าไม่ระวังเมื่อวิกฤติ พายุมาจะเกิดความเสียหายเกิดขึ้นเหมือน 20 ปีที่แล้ว และล่มสลายทั่วหน้า พระราชดำรัสฯ ยังก้องในหูผมในวิญญาณผมทุกวันนี้
“หลังจากวิกฤติต้มยำกุ้งทุกฝ่ายจึงได้สร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองรวมทั้งสถาบันการเงิน ปัจจุบันโครงสร้างเศรษฐกิจระบบการเงินของประเทศถือว่าตุนเสบียงไว้พอสมควร แม้เศรษฐกิจถดถอย คนไม่สามารถทำงานได้ แต่ธนาคารพาณิชย์ยังรองรับได้ แม้กำไรลดลงก็ตาม” นายบัณฑูร กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่า มาตรการของรัฐที่ออกมาแม้ช่วยได้ระดับหนึ่ง ก็ยังไม่มั่นใจว่าครบและเพียงพอหรือไม่ หากสถานการณ์รุงแรงขึ้น ดังนั้น เงินของรัฐและในระบบสถาบันการเงินที่มียังพอช่วยได้ แต่หากรัฐไม่กู้เงินก็อาจทำให้ระบบการเงินของรัฐ รวมทั้งธนาคารเกิดการตึงตัวได้ เพราะโจทย์ใหญ่หลังวิกฤติโควิด-19 คือ การทำมาหากิน ซึ่งขณะนี้มีหลายคนตกงาน และมองว่าแนวคิดหรือองค์ความรู้เดิม ๆ ที่มีอยู่อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป พร้อมแนะหน่วยงานที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ หากวิธีเดิมปัญหาแก้ไม่ได้ ก็ควรหาวิธีใหม่ ๆ อย่าย่ำอยู่กับที่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาให้คนรากหญ้า
