นายสุรชัย เพียรเจริญศักดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายช่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ อยู่ระหว่างพิจารณาพันธมิตร ที่จะร่วมลงทุนโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) กับการบินไทย โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการขนาดใหญ่แสดงสนใจ 2 รายและจะคัดเลือกให้เหลือ 1 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ย.นี้ และลงนามความร่วมมือได้เร็วที่สุดในเดือน ธ.ค.
เบื้องต้นการบินไทยและพันธมิตรที่ผ่านการคัดเลือก จะลงทุนอุปกรณ์ภายใน MRO ฝ่ายละ 50% หรือฝ่ายละ 2,000 ล้านบาท จากวงเงินลงทุนอุปกรณ์เฟสที่ 1 ทั้งหมด 4,000 ล้านบาท
ในทางคู่ขนานกัน การบินไทย กองทัพเรือ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ต้องร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการให้สิทธิการบินไทย เพื่อประกอบกิจการบนพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาก่อน
จากนั้นจึงเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เห็นชอบและเสนอของบประมาณจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 6,333 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ MRO ส่วนการบินไทยและพันธมิตรจะเป็นผู้ลงทุนอุปกรณ์ภายใน MRO ต่อไป
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า MRO เฟสแรกจะเปิดให้บริการในปี 2565 รองรับการซ่อมบำรุงเครื่องบินได้ 80-100 ลำต่อปี และสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่อย่างแอร์บัส A380 เมื่อเปิดให้บริการในปีแรกคาดว่าจะมีลูกค้า 10 ลำต่อปี และค่อยๆ เพิ่มขึ้นในอัตรา 2% ต่อปี
ในระยะแรกคาดว่า จะเพิ่มรายได้ให้ฝ่ายช่างการบินไทยอีก 400-500 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่มีรายได้อยู่ราว 3,000 ล้านบาทต่อปี ด้านระยะเวลาคืนทุนจะอยู่ที่ 11 ปีและจะสร้างรายได้รวมทั้งหมด 2 แสนล้านบาท เมื่อเปิดดำเนินการถึงปีที่ 50
สำหรับตลาดซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคเอเชียมีขนาด 9,000-10,000 ล้านดอลลาร์ และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสิงคโปร์มีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ 6% ส่วนการบินไทยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเป็น 4% หลังจากเปิดดำเนินการ MRO ไปได้ 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้บริษัท แอร์บัส ได้แสดงความสนใจจะร่วมทุนโครงการ MRO กับการบินไทย โดยได้ลงนามความร่วมมือเพื่อศึกษารายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติมในช่วงปลายปี 2560
