ยอดการนำเข้ารถยนต์ในเดือนมิถุนายนของจีน ร่วงลง 87.1% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 15,000 คัน ผลจากการเปลี่ยนแปลงในนโยบายจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของรัฐบาล
นายหวัง คัน ผู้อำนวยการคณะกรรมการนำเข้ารถยนต์ ของสมาคมผู้จัดจำหน่ายรถยนต์จีน (คาดา) ระบุว่า การลดลงดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายนที่ผ่านมา จีนมียอดรถยนต์นำเข้าทั้งหมด 452,000 คัน ร่วงลงมา 22.1%
ในเดือนมิถุนายน ยอดขายรถยนต์นำเข้าในตลาดจีน ยังร่วงลงไปถึง 21.2% มาอยุ่ที่ 63,000 คัน และลดลงไป 9.8% ที่ 394,000 คัน ระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน
ทั้งนี้ จีนเริ่มลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม ทำให้ลูกค้าต่างชะลอการซื้อในเดือนมิถุนายนไว้ก่อน เพื่อสามารถซื้อรถนำเข้าได้ในราคาที่ถูกลง หลังจากที่อัตราภาษีใหม่มีผลบังคับใช้ ทั้งการที่จีนเริ่มเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์สหรัฐเพิ่มอีก 25% มีผลในวันที่ 6 กรกฏาคม ก็ทำให้รถยนต์สหรัฐจำนวนหนึ่ง มียอดขายเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น
ในเดือนมิถุนายน แบรนด์รถยนต์ต่างประเทศ ไม่รวมมิตซูบิชิ ที่ยอดขายได้แรงหนุนจากการนำเข้าซ้อนนั้น ต่างซบเซาลงอย่างมาก โดยที่แลนด์ โรเวอร์ ฟอร์ด วอลโว่ และบีเอ็มดับเบิลยูได้รับผลกระทบหนักสุด
หากดูจากเรื่องของประเภทรถยนต์แล้ว พบว่า รถเอสยูวี และเอ็มพีวี เป็นกลุ่มที่มียอดขายลดลงมากสุดในเดือนดังกล่าว ร่วงลงมาถึง 29.1% แบะ 42.3% ตามลำดับ
ข้อมูลจากไชน่า อิโคโนมิคส์ เน็ต ยังแสดงให้เห็นว่า รถยนต์นำเข้าซ้อนก็เจอกับยอดขายที่ซบเซาเช่นกัน ลดลงมากถึง 24% มาอยู่ที่ 59,500 คัน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
นายหวัง ระบุว่า การนำเข้าซ้อนเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการนำเข้ารถยนต์ในจีนมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการลดลงในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความเสี่ยงที่ผู้ค้าอาจจะโดนควบคุมการทำธุรกิจจากการที่รัฐบาลลดภาษีนำเข้ารถยนต์
สำหรับผลกระทบจากมาตรการภาษีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ตลอดทั้งปีนั้น นายหวังมองว่า ภายใต้ภัยคุกคามจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐนั้น มีความเป็นไปได้ที่ราว 80% ของรถยนต์นำเข้า จะถูกเก็บภาษีเพียงแค่ 15% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่อีก 20% อาจถูกเก็บภาษีสูงถึง 40%
“โครงสร้างแบรนด์ของรถยนต์นำเข้าในจีน อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน”
