แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ต้องประสบปัญหาด้านการเงินในช่วงที่ต้องพักการแข่ง เนื่องจากมีการเปิดเผยว่ามีรายได้จากสปอนเซอร์ถึง 173 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,920 ล้านบาท) ในปีงบประมาณล่าสุดที่ประกาศเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
ศึกพรีเมียร์ลีก พักการแข่งถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการยืดระยะเวลาอย่างมาก จากตอนแรกที่จะหยุดแข่งถึงวันที่ 3 เมษายนนี้เท่านั้น
จากการพักแข่งทำให้แต่ละทีมชวดรายได้ก้อนโตจากวันที่มีการแข่งขันตามไปด้วยอาทิ ค่าบัตรเข้าชมเกม และยอดจำหน่ายสินค้า ของที่ระลึก โดยก่อนหน้านี้สโมสรพรีเมียร์ลีก อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, นิวคาสเซิ่ล และ นอริช จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายด้านสตาฟฟ์เพื่อพยุงภาระด้านการเงินของทีม
อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยว่า จากการที่แมนฯ ยูไนเต็ด มีรายได้จากสปอนเซอร์มากมาย ทำให้พวกเขาพึ่งพารายได้จากวันที่มีการแข่งขันน้อยมาก ทำให้ตอนนี้ “ปีศาจแดง” ไม่เจอปัญหาด้านการเงินหนักเหมือนที่หลายทีมกำลังเผชิญอยู่
แหล่งข่าวบอกว่า “ปีศาจแดง” มีรายได้จากสปอนเซอร์เจ้าต่างๆ เป็นจำนวน 173 ล้านปอนด์ ทำให้ทีมมีรายได้ด้านการตลาดโดยรวม 275 ล้านปอนด์ (ประมาณ 11,000 ล้านบาท) ขณะที่รายได้ค่าลิขสิทธิ์ของทีมอยู่ที่ 241 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,640 ล้านบาท) ส่วนรายได้ในวันที่มีการแข่งขันของทีมอยู่ที่ 111 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,440 ล้านบาท)
นอกจากนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีรายได้จากการตลาดมากกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) รวมถึงทำเงินด้านการตลาดได้มากกว่า ลิเวอร์พูล 94 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,760 ล้านบาท) ซึ่งเป็นที่เชื่อว่าในปีงบประมาณนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีรายได้ด้านสปอนเซอร์นี้ในระดับที่ไล่เลี่ยกับปีก่อน แม้ว่าจะมีปัญหาการระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็ตาม
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีค่าสปอนเซอร์มากมายเพราะ เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของทีมไล่ทำสปอนเซอร์กับผลิตภัณฑ์หลายเจ้าอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้สนับสนุนรายย่อยของทีมมีมากมายอาทิ แบรนด์ที่นอน หมอน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นาฬิกา เครื่องดื่ม ไม่รวมถึงผู้สนับสนุนหลักอย่าง แบรนด์รถยนต์, บริษัทประกันภัย และ สุขภัณฑ์
