ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนพากันหนีสินทรัพย์เสี่ยง ไปหาแหล่งลงทุนที่มีความปลอดภัย หลังข้อมูลเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าผลิตในสหรัฐ ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และการจ่ายเงินเดือนภาคเอกชนร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดมาอยู่ที่ 21,336.02 จุด ร่วงลง 581.14 จุด หรือ 2.65% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,506.93 จุด ดิ่งลง 77.66 จุด หรือ 3.00% และดัชนีแนสแด็กที่ 7,519.98 จุด ลดลง 180.12 หรือ 2.34%
วันนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (เอดีพี) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 27,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 125,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 179,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์
การจ้างงานในภาคบริการลดลง 18,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ส่วนการจ้างงานในภาคการผลิตลดลง 9,000 ตำแหน่ง โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ อนาลิติกส์ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่การจ้างงานของภาคเอกชนประสบภาวะหดตัว และคาดว่าการจ้างงานโดยรวมจะลดลง 10-15 ล้านตำแหน่ง
เมื่อวานนี้ (31 มี.ค.)ดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 400 จุด และเมื่อพิจารณาตลอดไตรมาส 1/2563 ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทรุดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตือนชาวสหรัฐให้เตรียมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งทำเนียบขาวยังเปิดเผยรายงานที่ระบุว่า ชาวอเมริกันอาจเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงถึง 100,000-240,000 ราย
ตลาดยิ่งวิตกถึงสถานการณ์เศรษฐกิจมากขึ้น จากการที่ โกลด์แมน แซคส์ ออกมาคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐจะหดตัว 9% ในไตรมาส 1 และทรุดตัว 34% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการดิ่งลงแรงสุด นับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาดีดตัว 19% ในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เมื่อพิจารณาทั้งปีนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะดิ่งลง 6.2% ซึ่งจะเป็นตัวเลขการขยายตัวที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และประเมินว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งแตะ 15% ในปีนี้
