จากข้อมูลสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA รายงานตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยปี 2560 มีมูลค่า 2.8 ล้านล้านบาท โดยกลุ่ม B2B มีมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท หรือ 59.56% เติบโต 8.63% จากปีก่อนหน้า
พบว่าอุตสาหกรรมที่อีคอมเมิร์ซมีมูลค่าสูงสุด คือ ค้าปลีกและค้าส่ง อยู่ที่ 8.69 แสนล้านบาท สัดส่วน 30.92% ส่วนปี 2561 เอ็ตด้า คาดการณ์มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทางออนไลน์ขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ
เปิดตัว‘ต่อยอดออนไลน์’อีคอมเมิร์ซค้าส่ง
นายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าหลังจากเปิดให้บริการเช่าพื้นที่ขาย “ตลาดต่อยอด” ศูนย์ค้าส่งระดับภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่ 160 ไร่ พื้นที่ใช้สอยรวม 3 แสนตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารขนาดใหญ่ 10 อาคาร ในย่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต รองรับผู้ประกอบการค้าส่งและเอสเอ็มอี รูปแบบ B2B
ล่าสุดได้เปิดตัวแพลตแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ “ต่อยอดออนไลน์” เว็บไซต์ toryodonline.com เพื่อให้ผู้ค้าที่เข้ามาเช่าพื้นที่ ตลาดต่อยอด ซึ่งเป็นช่องทางออฟไลน์ ได้ใช้แพลตฟอร์ม “ต่อยอดออนไลน์” จำหน่ายสินค้าและส่งออกสินค้าในต่างประเทศ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ หรือซัพพลายเออร์อยู่บนแพลตฟอร์มตลาดต่อยอดราว 1,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี
สำหรับ “ต่อยอดออนไลน์” ถือเป็นระบบการค้าส่งออนไลน์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่ส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี ได้มีช่องทางการขาย ชำระเงิน และจัดส่งสินค้า ผ่านเว็บไซต์ต่อยอดออนไลน์ ซึ่งจะเชื่อมต่ออีคอมเมิร์ซทั่วโลก โดยได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์
นอกจากนี้ได้สร้างเครือข่ายการค้า โดยนำผู้ซื้อจากในและต่างประเทศ มาเชื่อมต่อกับผู้ขายและมีสินค้าราคาส่งถูกที่สุด โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจ สถาบันการเงิน ธุรกิจโลจิสติกส์ ที่สนับสนุนช่องทางชำระเงินและระบบการขนส่งสินค้า ให้กับผู้ซื้อและผู้ขายภายใต้แพลตฟอร์ม B2B One Stop Solution พันธมิตรด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายแรก คือ อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากประเทศจีน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเปิดที่จะช่วยสนับสนุนการทำตลาด
“ผู้ประกอบการหรือซัพพลายเออร์ ที่อยู่บนแพลตฟอร์ม ต่อยอดออนไลน์ จะมีเครื่องมือการทำธุรกิจครบวงจร ทั้งช่องทางการขายออฟไลน์และออนไลน์ ระบบส่งสินค้า และเพย์เมนต์ เมื่อมียอดคำสั่งซื้อจำนวนมาก สามารถขอวงเงินกู้ลงทุนกับสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรกับตลาดต่อยอดได้ทันที”
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 3 ล้านราย ในจำนวนนี้ 3-4 แสนราย มีศักยภาพในการทำตลาดและขยายตลาดส่งออก สำหรับรูปแบบการหารายได้ของต่อยอดออนไลน์มาจากค่าคอมมิชชั่นจากยอดขาย
นายแจ็ค จาง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายซัพพลายเออร์ระดับโลก อาลีบาบาดอทคอม กล่าวว่า อาลีบาบา พร้อมเชื่อมต่อแพลตฟอร์ม “ต่อยอดออนไลน์” เพื่อเพิ่มโอกาสและขยายช่องทางตลาดให้กับผู้ประกอบการไทยและเอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงคู่ค้าทางธุรกิจที่มีศักยภาพในประเทศจีนและทั่วโลกผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งการเริ่มต้นอาลีบาบาของ “แจ๊ค หม่า” ผู้ก่อตั้งเมื่อ 19 ปีก่อน เพื่อช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีทำธุรกิจและสนับสนุนการส่งออกเช่นกัน
ปีแรกยอดอีคอมเมิร์ซ‘พันล้าน’
นางวัลลภา ไตรโสรัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าการเปิดตัว “ต่อยอดออนไลน์” แพลตฟอร์มการค้าส่งออนไลน์แห่งแรกในประเทศไทย เชื่อมโยงช่องทางขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ (O2O) รูปแบบ “ออมนิ แชนแนล” จับกลุ่มผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตั้งเป้าซื้อขายปีแรกกว่า 1,000 ล้านบาท
การพัฒนาแพลตฟอร์ม “ต่อยอดออนไลน์” วางแผนขยายความร่วมมือร่วมเป็นพันธมิตร กับแพลตฟอร์ม B2B ระดับโลกอีกกว่า 10 ประเทศ เช่น อินเดีย เกาหลี อินโดนีเซีย สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ และรัสเซีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีความต้องการสินค้าจากประเทศไทย
ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศไทย สามารถใช้ “ต่อยอดออนไลน์”เป็นตลาดการค้าส่งออนไลน์ ที่จะขายสินค้าให้ผู้ค้าส่งรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ที่สามารถจัดส่งสินค้าไปได้ทั่วโลก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดการแข่งขันและสนับสนุนให้แก่ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ระดับนานาชาติ
นายธนฑิต เจริญจันทร์ เจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าเพิ่มเติมว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการอยู่บนแพลตฟอร์มตลาดต่อยอดและต่อยอดออนไลน์ประมาณ 1,000 ราย ปีแรกวางเป้าหมายยอดขายในประเทศ 50% และส่งออก 50% คาดว่าภายใน 3-5 ปี สัดส่วนส่งออกจากเพิ่มเป็น 80% จากทิศทางตลาดอีคอมเมิร์ซกลุ่ม B2B เติบโตสูง ขณะที่จำนวนสินค้าที่จำหน่วยจะมีกว่า 1 ล้านรายการ
