กรมวิทย์ ย้ำตรวจแบบ PCR หาเชื้อโควิด-19 โดยตรงยังแม่นยำสุด ส่วนตรวจภูมิคุ้มกัน ตรวจได้ หลังมีอาการป่วย 5 – 7 วัน หรือหลังติดเชื้อแล้ว 10 – 14 วัน แจง “น้ำยา และชุดทดสอบ” ตรวจโควิด-19 อนุญาตใช้เฉพาะสถานพยาบาล หรือตามที่ อย.กำหนด การตรวจ-แปลผล ต้องทำโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น พร้อมเร่งขยายห้องแล็บรองรับเป็น 97 แห่ง ในเดือนเมษายนนี้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบายถึงการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า มีทั้งการตรวจหาเชื้อไวรัส และการตรวจภูมิคุ้มกัน สำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัส สามารถตรวจได้หลังจากได้รับเชื้อมาแล้วประมาณ 5 -7 วัน จึงเป็นวิธีที่ตรวจหาเชื้อได้เร็วที่สุด โดยแบ่งเป็น 3 แบบ คือ
แบบที่ 1 ตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR
แบบที่ 2 คือ เพาะเลี้ยงเชื้อไวรัส
แบบที่ 3 ตรวจหา Antigen เชื้อไวรัส
สำหรับการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส ที่พร้อมใช้อยู่ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกแนะนำ คือ วิธี Real-time RT PCR เนื่องจากมีความไว ความจำเพาะสูง ทราบผลภายใน 3 – 5 ชั่วโมง และสามารถตรวจจับ เชื้อไวรัสปริมาณน้อยๆ ในรูปแบบของสารพันธุกรรม
ดังนั้น ไม่ว่าจะเชื้อเป็น หรือเชื้อตาย ตรวจจับได้หมด จากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนล่าง ของผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงเป็นวิธีที่เหมาะสม สำหรับการตรวจวินิจฉับโรค เพื่อการรักษาที่รวดเร็ว ตั้งแต่ระยะแรกของการเกิดโรค และใช้ติดตามผลการรักษาได้
ส่วนการตรวจภูมิคุ้มกัน (IgM/IgG) ด้วยชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test ทราบผลใน 15 นาที การตรวจวิธีนี้ จะทำได้หลังมีอาการป่วย 5 – 7 วัน หรือได้รับเชื้อมาแล้ว 10 – 14 วัน การใช้ Rapid Test ตรวจภูมิคุ้มกัน (IgM/IgG) ในช่วงแรกของการรับเชื้อ หรือช่วงแรกที่มีอาการ ผลการตรวจจะขึ้นลบ ซึ่งไม่ได้แสดงว่าผู้ป่วยไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่เกิดขึ้น
ทั้งนี้โดยปกติธรรมชาติ ของร่างกายเมื่อได้รับเชื้อ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งภูมิคุ้มกันจะเกิดหลังจากมีอาการประมาณ 5 – 7 วัน
น้ำยานี้ องค์การเภสัชกรรม (อย.) อนุญาตใช้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น ไม่อนุญาตจำหน่ายทั่วไป ประชาชนอย่าซื้อมาตรวจเอง เพราะมีความยุ่งยากในการแปลผล และสรุปผล ต้องทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการตรวจอื่นๆ ที่กำลังเข้ามาในประเทศ อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจอะไรใหม่ๆ สิ่งที่เราต้องคิดเสมอ คือ วิธีตรวจนั้นได้ผลหรือไม่ มีความแม่นยำเที่ยงตรงหรือไม่ และได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งกรมฯได้ร่วมกับ อย.ดำเนินการตรวจประเมินอยู่ในขณะนี้ วิธีการตรวจแต่ละวิธี จะต้องเลือกช่วงเวลา ที่เหมาะสมกับการตรวจ ตามดุลยพินิจ ของบุคลากรทางการแพทย์
สำหรับการพัฒนาห้องปฏิบัติการ เพื่อรองรับการตรวจเชื้อโควิด-19 หากมีการระบาดจำนวนมาก กรมฯได้มีแผนพัฒนาให้มีห้องปฏิบัติการตรวจทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด รวมแล้ว 97 แห่ง รองรับการตรวจในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลที่ 10,000 ตัวอย่างต่อวัน และต่างจังหวัด 10,000 ตัวอย่างต่อวัน
โดยขณะนี้มีห้องปฏิบัติการที่ผ่านการประเมินแล้ว 57 แห่ง อยู่ระหว่างการประเมิน และกำลังจัดตั้งอีก 40 แห่ง คาดว่าภายในเดือนเมษายนนี้ จะครบตามเป้าหมาย สำหรับประชาชนที่มีประวัติสัมผัสกลุ่มเสี่ยง หากมีอาการเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ ตามเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนด ให้รีบพบแพทย์ และแจ้งประวัติให้ละเอียด จะได้รับการตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT – PCR ฟรี
- ทบทวนวิธีการประเมิน นำเข้าชุดตรวจ ‘Rapid Test’ หลังเกิดปัญหา การใช้งานที่ ‘สเปน’
- เดี๋ยววุ่นวาย! สธ.เตือนประชาชน อย่าซื้อชุดตรวจ ‘โควิด-19’ ออนไลน์
- เปิดคำสั่ง ‘อนุทิน’ ตั้งกรรมการสอบชุดตรวจโควิด Rapid test ฉาว!!