COVID-19

อว.แบ่งงบ 3,000 ล้าน แก้ปัญหาอุปกรณ์ทางการแพทย์สู้โควิด-19 ขาดแคลน

เจ้ากระทรวง อว. สั่งการด่วน แบ่งงบ 3,000 ล้าน จัดการยา อุปกรณ์การแพทย์ แก้ปัญหาขาดแคลน รับมือโควิด-19  พร้อมจัดตั้งคณะทำงานดึงนวัตกรรมใช้เชื่อมโยงหน่วยงานรักษา พัฒนาและผลิตยา อุปกรณ์การแพทย์

ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้บริหาร อว.เกลี่ยงบประมาณภายใน อว.จำนวน 3,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์และการเตรียมพร้อมของโรงพยาบาลในการรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19

สุวิทย์ เมษินทรีย์

ในเบื้องต้นได้จัดสรรงบประมาณมาแล้ว 2,000 ล้านบาท และอีก 1,000 ล้านบาท แบ่งมาจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลของบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลน

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้จัดตั้งคณะทำงานรับมือกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งจะรวบรวมนวัตกรรมทั้งหมดของ อว. และเชื่อมโยงการทำงานในรูปแบบจตุรภาคี ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคเอกชน/อุตสาหกรรม และ อว. ในการพัฒนาและผลิตด้านเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ หน้ากาก N95 ชุด PPE ห้องควบคุมความดันลบ โรงพยาบาลสนาม/เปลขนย้ายและเครื่องช่วยหายใจ

ด้าน ผศ.อนุแสง จิตสมเกษม รองคณบดี คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานวิจัยของคณะแพทย์ศาสตร์วิชรพยาบาล มีนวัตกรรม 4 ตัวที่มีการผลิตออกมาใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย นวัตกรรมแรก คือ เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ ที่ปรับมาจากห้องปลอดเชื้อที่ใช้กับคนไข้วัณโรค ปัจจุบันผลิตออกมาแล้ว 11 ตัว ใช้ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 2 ตัว และแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลอื่น ราคาประมาณ 1 แสนกว่าบาท

อว1

พร้อมกันนี้ยังได้ประสานงาร่วมกับบริษัท ปตท. และฮอนด้า เพื่อนำต้นแบบเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ ไปผลิตต่อ โดยขณะนี้ ปตท. สามารถผลิตกล่อง HEPA Filter ได้เอง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง รวมถึงอาจมีการปรับเปลี่ยนวัสดุ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วสามารถผ่านมาตรฐานวิศวกรรมสถาน ก็ถือว่าใช้งานได้คาดว่าจะใช้เวลาการผลิตราว 2 เดือน ในการผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ ออกมาใช้งานได้ถึง 200 ตัว ก็คาดว่าจะเพียงพอต่อการใช้งานทั้งประเทศ

สำหรับนวัตกรรมที่ 2 หมวกปรับแรงดันบวกสำหรับใช้ในห้องผ่าตัด(Powered Air-Purifying Respirator – PAPR) อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สวมใส่เพื่อการต่อท่อหายใจให้กับคนไข้ติดเชื้อรุนแรง ที่ต้องซื้อจากต่างประเทศ ราคาราว 5 หมื่นบาท แต่คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล สามารถผลิตได้ด้วยงบประมาณเพียง 2,000 บาท มีจุดต่างเพียงแค่วัสดุคลุมหมวกที่เป็นผ้าใบ แต่คุณภาพการใช้งานไม่ต่างกัน เบื้องต้นสามารถผลิตได้ 300-500 ตัว คาดว่ามีความต้องการใช้ 20 ตัวต่อหนึ่งโรงพยาบาล รวมความต้องการอยู่ในราว 1,000 ตัว

อว.

ด้านนวัตกรรมที่ 3 หน้ากากอนามัยไส้กรอง N99 โดยการหล่อหน้ากากซิลิโคนที่สามารถผลิตได้เองในประเทศไทย โดยมีต้นทุนในการหล่อหน้ากากซิลิโคนเพียง 100-200 บาท ขณะที่ HEPA Filter ปัจจุบันยังต้องนำเข้า แต่อนาคตประเทศจะสามารถผลิตได้เอง ก็จะทำให้ต้นทุนรวมลดต่ำลง โดยหน้ากากอนามัยไส้กรอง N99 มีกำลังการผลิตราว 200 ชิ้นต่อวัน คาดว่า ภายในเวลา 1 สัปดาห์สามารถผลิตได้เพียงพอต่อการส่งมอบให้กับโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยโควิด -19 โดยเฉพาะกับโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ยังขาดแคลน

นวัตกรรมที่ 4 ชุดป้องกันส่วนบุคคล PPE เป็นนวัตกรรมการผลิตชุดป้องกันจากเกรด 4 ขึ้นเป็นเกรด 5 หรือ Medical Grade ที่เปลี่ยนวัสดุจากไฟเบอร์ซึ่งเป็นวัสดุที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มาเป็นพลาสติกสปันบอนด์ที่เป็น Polypropylene ที่สามารถกันน้ำได้ โดยต้นทุนของการผลิตชุดป้องกันส่วนบุคคลจะอยู่ในราวชุดละกว่า 100 บาท ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก พีทีทีจีซี และไออาร์พีซี 2 สนับสนุนวัสดุพลาสติกในการผลิตชุดป้องกันส่วนบุคคล คาดว่าจะสามารถผลิตเบื้องต้นราว 500-2,000 ตัว โดยมีความต้องการอยู่ราวแสนตัว

Avatar photo