World News

‘เลขายูเอ็น’ เตือนอย่าชะล่าใจ โลกยังไม่เผด็จศึก ‘โควิด-19’

สหประชาชาติ – เมื่อวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวต่อบรรดาผู้นำกลุ่มประเทศ จี20 (G20) ว่า “เรากำลังทำสงครามกับเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันเรายังไม่สามารถคว้าชัยชนะได้” โดยองค์กรของสหประชาชาติทั่วโลกยังคงให้ความช่วยเหลือหลายประเทศในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 อย่างไม่ย่อท้อ

“การจะสู้ศึกในครั้งนี้ เราจะต้องวางแผนเหมือนการทำสงคราม” กูเตอร์เรสกล่าวระหว่างการประชุมทางไกลกับบรรดาผู้นำกลุ่มประเทศ G20 “ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างกลุ่มประเทศ G20 ประเทศกำลังพัฒนา อันรวมถึงประเทศที่กำลังเผชิญกับความขัดแย้ง เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง”

“ทุกประเทศต้องจัดทำระบบการตรวจหาเชื้อ, การสืบหาเส้นทางการแพร่กระจาย, การกักตัว และการรักษาผู้ติดเชื้อ ร่วมกับการจำกัดการเดินทาง และการติดต่อสัมผัสระหว่างกันของประชาชนในประเทศ เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ขณะเดียวกันเราต้องดำเนินกลยุทธ์การถอนตัวออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้อย่างมีแผนการ เพื่อคุมการแพร่ระบาดไว้จนกว่าจะสามารถคิดค้นวัคซีนได้สำเร็จ”

กูเตอร์เรสยังเรียกร้องให้ทุกประเทศฉีดแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจน้อยที่สุด และเพื่อช่วยให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาสามารถรับมือกับโรคระบาดได้ดียิ่งขึ้น

จีน 2

นอกจากนี้ กูเตอร์เรสร้องขอให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งบั่นทอนศักยภาพของบางประเทศในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดครั้งนี้

ระหว่างการรายงานข่าวสั้นทางไกล สตีเฟน ดูจาร์ริก โฆษกของกูเตอร์เรส ได้กล่าวถึงประเทศที่เผชิญกับความขัดแย้ง และประเทศอื่นๆ ที่สหประชาชาติกำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัส

“เรารู้สึกกังวลอย่างมากกับผลกระทบของเชื้อไวรัสที่อาจเกิดขึ้นกับหลายล้านชีวิตทั่วซีเรีย โดยเฉพาะผู้คนกว่า 900,000 รายที่ต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น นับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2019 เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ”

จีน1 1

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าคนพลัดถิ่นจำนวนมากอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัด ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และปัจจุบันมีชาวซีเรียพลัดถิ่นอยู่ในประเทศมากกว่า 6 ล้านคน

องค์การอนามัยโลกรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั่วซีเรียด้วยการจัดตั้งห้องปฏิบัติการ, หอผู้ป่วยแยก, อาคารสาธารณสุข และแผนกผู้ป่วยวิกฤต พร้อมแจ้งสถานการณ์ในซีเรียต่อสาธารณชน รวมถึงระบุว่าชุมชนใดที่มีความเสี่ยงสูงสุด

พื้นที่ซึ่งองค์การให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือทางตะวันตกเฉียงใต้ โดยองค์การขนส่งเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ป้องกันไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ซีเรียสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้น

จีน2

นอกจากซีเรียแล้ว ดูจาร์ริกกล่าวเสริมว่าสหประชาชาติรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ในลิเบียอย่างยิ่ง หลังลิเบียพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกของประเทศ หากเกิดการแพร่ระบาดขึ้น จะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อปฏิบัติการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งมีความหนักหนาอยู่มากแล้วในปัจจุบัน

สหประชาชาติได้สนับสนุนให้หน่วยงานในลิเบียเตรียมพร้อมรับมือกับโรคโควิด-19 และรู้สึกตระหนกที่ทราบว่าความรุนแรงภายในและพื้นที่โดยรอบกรุงตริโปลียังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการประกาศพักรบไปเมื่อไม่นานมานี้

จีน3

ด้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) เลลา เซอร์รูกุย (Leila Zerrougui) หัวหน้าภารกิจของสหประชาชาติระบุว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน สันติภาพและความมั่นคงเป็นสิ่งสำคัญหรับคองโกมากกว่าครั้งใด ในการรับประกันว่าบริการด้านสาธารณสุขและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถูกส่งไปถึงประชาชนทุกคนที่ต้องการ

เซอร์โรกุยยืนยันว่าสหประชาชาติพร้อมสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยงานรัฐของคองโกในการปกป้องคุ้มครองประชาชนในคองโกอย่างเต็มที่

ดูจาร์ริกระบุว่า เรนาตา เดสซัลเลียน (Renata Dessallien) ผู้ประสานงานของสหประชาชาติในอินเดีย กล่าวชื่นชมกลยุทธ์ของนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในการสั่งปิดประเทศ 21 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

“ระบบการทำงานของสหประชาชาติในอินเดียเตรียมพร้อมเต็มที่สำหรับการยกระดับการสนับสนุนรัฐบาลอินเดีย เพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19” เดสซัลเลียนกล่าว

จีน4

ดูจาร์ริกระบุว่าหน่วยงานของสหประชาชาติหลายแห่งประสานงานกับรัฐบาลของแต่ละประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ, ดำเนินมาตรการตอบโต้, ติดตามสถานการณ์ของโรค, ดำเนินมาตรการขั้นพื้นฐานด้านการทดลองและการวิจัย, การสื่อสารความเสี่ยง, จัดอบรมงานป้องกันการติดเชื้อ, วางแผนควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนเฝ้าระวังและสืบหาเส้นทางของผู้เดินทาง

ด้านซูดานอยู่ในระหว่างเตรียมการเจรจาเพื่อสันติภาพ โดย เจเรไมอาห์ มามาโบโล (Jeremiah Mamabolo) ผู้แทนพิเศษร่วมของปฏิบัติการผสมระหว่างสหภาพแอฟริกา-สหประชาชาติ ในเมืองดาร์ฟูร์ กล่าวกระตุ้นให้ทุกฝ่ายในซูดานตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ และบรรลุสันติภาพที่ครอบคลุมโดยเร็วที่สุด

มามาโบโลาระบุว่าทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างถึงที่สุด เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และช่วยชีวิตประชาชน พร้อมยืนยันว่าซูดานยังคงสนับสนุนภารกิจของสหภาพแอฟริกา-สหประชาชาติเสมอ

ส่วนเซาท์ซูดานยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่ดูจาร์ริกอ้างอิงรายงานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งระบุว่าทีมของสหประชาชาติกำลังปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐของเซาท์ซูดาน เพื่อจัดสรรทรัพยากรและเสริมสร้างศักยภาพของประเทศแห่งนี้ ให้พร้อมรับมือโรคโควิด-19 ทั้งด้านสาธารณสุขซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน และด้านผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ

ทีมของสหประชาชาติยังช่วยเซาท์ซูดานเฝ้าระวัง, พัฒนาศักยภาพการตอบโต้อย่างฉับไว และการสืบสวนคดีต่างๆ โดยได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการสำหรับตรวจหาโรคโควิด-19 ทั้งยังสนับสนุนการจัดตั้งแผนกโรคติดต่ออเนกประสงค์เพื่อคัดแยกและรักษาผู้ป่วย

จีน5

นอกจากนี้ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือ ไอโอเอ็ม (IOM) ยังช่วยรัฐบาลเซาท์ซูดานด้านการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศ รวมถึงติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิที่ท่าอากาศยานนานาชาติจูบา ส่วนโครงการอาหารโลก (World Food Programme) และองค์การอนามัยโลกเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการขนส่ง

ด้านองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้จัดตั้งสัมพันธมิตรระดับโลกด้านการศึกษา เพื่อให้การสนับสนุนแก่หลายประเทศ ในด้านการยกระดับการศึกษาทางไกล รวมถึงให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและเยาวชนซึ่งมีความเสี่ยงสูงสุด

อะมีนา โมฮัมเหม็ด (Amina Mohammed) รองเลขาธิการสหประชาชาติให้คำมั่นของสหประชาชาติต่อสัมพันธมิตร พร้อมกล่าวเตือน ว่าสำหรับเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสหลายล้านคน การปิดโรงเรียนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะทำให้พวกเขาถูกตัดขาดจากปัจจัยด้านความปลอดภัยที่สำคัญหลายด้าน ทั้ง โภชนาการ ความคุ้มครอง และการช่วยเหลือด้านจิตใจ

จีน6

เมื่อวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ประกาศยกระดับการสนับสนุนกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำ-ปานกลางรวม 145 แห่ง เพื่อช่วยปกป้องโรงเรียนให้ปลอดภัย ให้เด็กๆ สามารถเข้าเรียนได้ตามปกติ หลังมาตรการปิดโรงเรียนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทำลายโอกาสทางการศึกษาของนักเรียนกว่าร้อย 80 ทั่วโลก

สำหรับประเทศบูร์กินา ฟาโซ องค์การยูนิเซฟได้มอบหมายหน้าที่ให้สมาร์ตี (Smarty) นักร้องฮิปฮอปชาวบูร์กินา ฟาโซ สนับสนุนปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศ ด้วยการถ่ายทำและเผยแพร่คลิปวิดีโอให้ความรู้เกี่ยวกับโรค ซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากได้ นอกจากนี้องค์การฯ ยังฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ องค์การยูนิเซฟยังประสานงานกับพันธมิตรเพื่อขยายการเข้าถึงน้ำสะอาดให้แก่ประชาชน และเร่งการแจกจ่ายสบู่ และน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับล้างมือ โดยเฉพาะในหมู่คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แออัด และกลุ่มคนพลัดถิ่น

สำนักข่าวซินหัว

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight