Economics

‘คมนาคม’ พร้อมโดนหั่นงบเมกะโปรเจ็ค ช่วยรัฐบาลสู้ไวรัสโควิด

“ศักดิ์สยาม” เผยพร้อมโดนหั่นงบเมกะโปรเจ็ค หากรัฐบาลจำเป็นต้องเรียกเงินสู้ไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันสั่งผ่อนผัน “ใบขับขี่” ที่หมดอายุ จนกว่าสถานการณ์จะสงบ

274699

วันนี้ (27 มี.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินมาตรการภาคการขนส่งผู้โดยสารในสถานการณ์ฉุกเฉินของกระทรวงคมนาคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ณ ห้องราชดำเนิน กระทรวงคมนาคม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเสนอให้ตัดลดงบประมาณปีงบประมาณ 2563 เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนเมกะโปรเจ็คว่า ต้องรอความชัดเจนว่างบประมาณที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศอฉ.) จะใช้ดำเนินการในเรื่องป้องกันและรักษาเป็นเท่าไหร่ ถ้ามีความจำเป็นที่กระทรวงคมนาคมจะต้องถูกปรับลดงบประมาณ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใดๆ พร้อมที่จะดำเนินการ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายว่า สุขภาพของพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด

นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมทั้งหมด ทำการผ่อนผัน ขยายระยะเวลาหรืออายุของใบสำคัญรับรอง ใบอนุญาต ประกาศนียบัตร สัญญา และหนังสือสำคัญ จากวันที่หมดอายุหรือสิ้นอายุออกไปจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน  และให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือที่ได้รับการขยายเวลาหรืออายุของใบสำคัญรับรอง และใบอนุญาตรักษาเรือให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับการใช้ตลอดเวลา

เราจะขยายเวลาการต่อใบอนุญาตทั้งหมดออกไปก่อน ทั้งใบขับขี่ ใบอนุญาตจดทะเบียนยานพาหนะทุกชนิด จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะยุติลง เพื่อชะลอไม่ให้ประชาชนเดินทางออกจากบ้านในภาวะที่มีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโลก ดังนั้นใบอนุญาตขับขี่หรือใบอนุญาตจดทะเบียนรถที่ประชาชนถืออยู่ในปัจจุบันแม้ว่าจะหมดอายุ ก็ถือว่ายังใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย” นายศักดิ์สยามกล่าว

S 29466726

แห่ออกนอกกรุง

นายชัยวัฒน์  ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงสถิติการเดินทางของประชาชนออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ระหว่างวันที่ 1-26 มีนาคม 2563 มีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองรวม 1.52 ล้านคน, ทางรถไฟ 4.1 แสนคน, ทางรถโดยสาร (รถทัวร์)  1.9 ล้านคน และสำหรับการเดินทางผ่านทางน้ำทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 17 -26 มีนาคม 2563 มีจำนวนรวม 1.3 แสนคน โดยเป็นการเดินทางทางน้ำผ่านด่านพรหมแดน 2.2 หมื่นคน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 6.6 พันคน และสัญชาติอื่น 1.5 หมื่นคน

 “พิจารณาการเดินทางในช่วงวันที่ 21-26 มีนาคมที่ผ่านมาพบว่า จำนวนการเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า มาตรการการตรวจคัดกรองที่เข้มข้น ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ สามารถชะลอการเดินทางของประชาชนและสามารถชะลอการแพร่เชื้อได้” นายชัยวัฒน์กล่าว

สำหรับการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กระทรวงคมนาคมมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

  1. กรณีการเดินทางด้วยรถโดยสารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ให้หน่วยงานที่ให้บริการระบบขนส่งทางรางจัดให้มีการตรวจคัดกรอง และปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด โดยพิจารณาอนุญาตเฉพาะบุคคลจากข้อกำหนดข้อ 8 ตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
  2. กรณีการเดินทางด้วยรถโดยสารข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ให้ผู้ให้บริการจัดเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตรวจคัดกรองผู้โดยสาร โดยจะต้องมีเอกสารหรือหลักฐานทางราชการหรือหน่วยงานว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้นในข้อ 8 ตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) และให้บันทึกข้อมูลผู้โดยสารโดยระบุชื่อ ที่อยู่ ที่พักปัจจุบันหรือภูมิลำเนา และระบุวัตถุประสงค์ในการเดินทางตามเอกสาร ต.8 ด้วย เพื่อประกอบการซื้อ/จำหน่วย ตั๋วโดยสารด้วย

Avatar photo