เจนีวา, 25 มี.ค. กระดานข้อมูลแสดงสถานการณ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าจนถึงเวลา 10.00 น. ตามเวลากลางยุโรป (CET) ของวันพุธ (25 มี.ค.) มีรายงานผู้ป่วยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั่วโลกรวมทั้งหมด 413,467 ราย
ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็น 18,433 ราย หลังจากโควิด-19 ระบาดไปยัง 196 ประเทศและภูมิภาค
นอกเหนือจากจีน จำนวนผู้ป่วยที่ยืนยันผลทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 331,619 ราย โดยผู้ป่วยเกือบ 240,000 รายเป็นผู้ป่วยใน 6 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด ซึ่งแต่ละประเทศมีผู้ป่วยเกิน 20,000 ราย ได้แก่ อิตาลี สหรัฐ สเปน เยอรมนี อิหร่าน และฝรั่งเศส
“การแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังคงสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อไปเรื่อยๆ ไม่เพียงในด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงหลายด้านในชีวิต” ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกกล่าวเมื่อวันพุธ (25 มี.ค.) และเสริมว่าหลายประเทศได้ประกาศใช้มาตรการแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งต้องแลกมาด้วยต้นทุนทางสังคมและเศรษฐกิจ
- มูลนิธิ ‘ แจ๊คหม่า-อาลีบาบา’ ส่งเวชภัณฑ์-หน้ากากถึงไทยแล้ว
- ทั่วโลกเสียชีวิตเกิน 20,000 ‘โควิด-19’ ยอดคนตาย ‘สเปน’ พุ่งแซง ‘จีน’
- ‘UN’ ทุ่มเงิน 6.5 หมื่นล้านช่วย 51 ประเทศสู้ไวรัส เตือนเสี่ยงโกลาหลทั่วโลก
ทีโดรสระบุว่าประเทศเหล่านั้นกำลังซื้อเวลา และลดแรงกดดันต่อระบบสุขภาพ โดยการขอให้ประชาชนอยู่กับบ้าน และห้ามเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ทีโดรสย้ำว่าการใช้มาตรการประเภทนี้เพียงอย่างเดียวไม่อาจกำจัดโรคระบาดให้สิ้นไป จึงจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อค้นหา คัดแยก ตรวจสอบ รักษา และตามรอยผู้ป่วยติดเชื้อ
ทั้งนี้ ประเทศและภูมิภาคมากกว่า 150 แห่งมีผู้ป่วยโควิด-19 ไม่ถึง 100 ราย ทีโดรสระบุว่าประเทศและภูมิภาคเหล่านี้มีโอกาสที่จะป้องกันการแพร่เชื้อในชุมชน และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายที่สาหัสยิ่งขึ้นในแง่ต้นทุนทางสังคมและเศรษฐกิจเฉกเช่นที่ประเทศอื่นต้องเผชิญ
ที่มา:สำนักข่าวซินหัว
