“วิษณุ” ยืนยันยังไม่มีการประกาศ “เคอร์ฟิว” แจงหากประกาศจริงต้องอยู่ภายใต้ข้อยกเว้น
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังนายกรัฐมนตรีประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมาเป็นการประกาศในกรณีความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ แต่ครั้งนี้นำมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงเป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถทำได้ นิยามของคำว่าสถานการณ์ฉุกเฉินในกฎหมายนั้น รวมไปถึงภัยสาธารณะคือโรคภัยไข้เจ็บ
ตามกฎหมายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต้องทำโดยมติคณะรัฐมนตรีและให้อำนาจนายกรัฐมนตรีลงนามเป็นผู้ประกาศและเผยแพร่ในวันนี้แต่จะมีผลจริงในวันที่ 26 มีนาคม นั่นหมายความว่าหลังเที่ยงคืน วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งประกาศได้ไม่เกิน 3 เดือน แต่สามารถขยายเวลาต่ออายุได้อีก ซึ่งขณะนี้ประกาศตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 แล้วจึงประเมินสถานการณ์พิจารณาต่ออายุเป็นครั้งคราวไป คราวละไม่เกิน 3 เดือน
นายวิษณุ กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาวานนี้ (24 มี.ค.) แต่การบังคับใช้ให้มีผลวันที่ 26 มีนาคม เพราะรัฐบาลต้องให้เจ้าหน้าที่เตรียมตัวรับรู้และเตรียมการปฏิบัติ รวมถึงตัวประชาชนเองที่จะต้องเตรียมตัวจึงต้องเตือนประกาศให้รู้และเมื่อถึงเวลาก็จะบังคับใช้จริง แล้วก็ถือเป็นการเตือนให้รู้มากกว่า 24 ชั่วโมงล่วงหน้า และจะบังคับใช้จริงจังตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้เป็นต้นไป
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า สำหรับคำสั่งที่ 1 เป็นการโอนอำนาจเพื่อความรวดเร็วบูรณาการ ส่วนคำสั่งที่ 2 เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้รักษาสถานการณ์ นายกฯจะเป็นผู้อำนวยสถานการณ์ทั่วประเทศ รองนายกฯจะเป็นผู้ช่วยเรียงตามลำดับในการรักษาราชการ ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก นายวิษณุ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รองนายกและรมว.พาณิชย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าจะรับผิดชอบด้านต่างๆทั่วราชอาณาจักร
คำสั่งที่ 3 การตั้งศูนย์หรือหน่วยบริหาร ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ยกระดับเป็นศอฉ. กรณีจำเป็นเร่งด่วนจะพิจารณาสั่งการในนาม ศอฉ. โดยนายกฯไม่ต้องเรียกประชุมเต็มคณะ สามารถตั้งกรรกการเฉพาะกิจได้ และจะมีการจัดโครงการอีก 5-6 ศูนย์ โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติจะรับไปดำเนินการ
คำสั่งที่ 4 ข้อกำหนด มี 16 ข้อ ประกาศข้อกำหนด ‘สถานการณ์ฉุกเฉิน’ ฉบับที่ 1
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ขอร้องว่าบางอย่างอย่าปิด เช่น โรงงาน ธนาคาร ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า การขนส่งสินค้า การซื้อหาอาหารตามปกติ แต่ห้ามกักตุนสินค้า ธุรกิจหลักทรัพย์ สถานที่ราชการ ทั้งนี้ยืนยันว่ายังไม่ประกาศเคอร์ฟิว” นายวิษณุ กล่าว
ในส่วนของแผนปฏิบัติงานการเคอร์ฟิวนั้น ตามข้อกำหนดฉบับที่ 1 ยืนยันว่า ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว จัดอยู่ในประเภทมาตรการควรทำ ยังไม่ได้ห้าม เป็นคำเตือนระดับที่ 1 แต่ถ้าจะไปถึงขั้นห้าม ก็จะมีการเตือนโดยไม่ออกข้อกำหนดล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก ไม่ให้กักตุน ซื้อของเป็นที่โกลาหล หากมีการประกาศเคอร์ฟิว การประกาศจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เราเคยเจอ คือ ที่ผ่านมาเคอร์ฟิวจะประกาศห้ามออกกลางคืน เพราะมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความมั่นคง
“โควิด เชื้อไม่ได้ออกตอนเที่ยงคืนหรือจ้องจะออกตอนไหน เชื้อโรคออก 24 ชั่วโมง ดังนั้น หากจะมีประกาศจะเคอร์ฟิวตลอด 24 ชั่วโมงแบบมีข้อยกเว้น แต่เชื้อก็ไม่ได้ออกมาง่ายขนาดนั้น ถ้ามีเคอร์ฟิว ต้อง 24 ชั่วโมง แต่มีข้อยกเว้นเป็นอันมาก เช่น ไปซื้อของ ไปหาหมอ ไปธนาคาร ไปส่งสินค้ารับสินค้าได้ ไปศาลได้ วิทยุ โทรทัศน์ ต้องออกข่าวได้ ซึ่งข้อยกเว้นในประกาศฉบับที่ 1 จะถูกนำมาใช้ในการประกาศครั้งต่อไป” นายวิษณุ กล่าว
- ‘บิ๊กตู่’ ลุยเอง! ลงบัญชาการการ ‘โควิด-19’ ทุกมิติ สัญญานำชาติพ้นวิกฤติ!
- ‘ผบ.ทบ.’เตรียมกำลังพล-ยุทโธปกรณ์ หนุน ‘ศอฉ.-รบ.’ รับมือโควิด-19 ออก 7 คำสั่งเข้มปฏิบัติ
- เปิดแถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน!!