โตโยต้า มอเตอร์ ค่ายรถยนต์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่น เตือนถึงผลกระทบขนาดใหญ่ต่อรายได้ของบริษัท หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เดินหน้าทำตามคำขู่ ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อรถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์
ในการแถลงผลประกอบการไตรมาสแรก ของปีงบการเงิน 2561 นี้ โตโยต้า ระบุว่า ยังคงตัวเลขคาดการณ์สำหรับผลประกอบการตลอดทั้งปีงบการเงินนี้ ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2562 แต่เสริมว่า ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว ยังไม่ได้นำผลกระทบใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น จากความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะเก็บภาษีทุ่มตลาดต่อรถยนต์เข้าไปรวมไว้ด้วย
นายมาซาโยชิ ชิรายานากิ เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ของโตโยต้า เตือนว่า ถ้าสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์มาอยู่ที่ 25% จริง ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้ของบริษัท
โตโยต้า ระบุด้วยว่า การขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าว จะทำให้ต้นทุนต่อรถยนต์แต่ละคันเพิ่มขึ้นราว 6,000 ดอลลาร์ และถ้าการส่งออกจากญี่ปุ่นยังอยู่ในระดับเดียวกับเมื่อปีที่แล้วที่ 700,000 คัน ก็จะคิดเป็นมูลค่าราว 4,200 ล้านดอลลาร์
ส่วนผลกระทบที่จะมีต่อสายการผลิตของบริษัทนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภคมากน้อยเท่าใด รวมถึง ความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทเองด้วย
อย่างไรก็ดี นายโมริทากะ โยชิดะ รองประธานบริหารโตโยต้า ชี้ว่า ยังเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัท ที่จะดูดซับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีดังกล่าว ที่จะนำไปสู่การขึ้นราคาจำหน่ายรถยนต์ และมีแนวโน้มว่าจะทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลง
ทั้งนี้ โตโยต้าคาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงานในปีงบการเงิน 2561 จะอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านเยน ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมียอดขายอยู่ที่ 29 ล้านล้านเยน ลดลง 1.3%
แนวโน้มที่เฝ้าระวังส่วนหนึ่ง เป็นผลมาจากการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้ความต้องการลดลง เพราะสินเชื่อรถยนต์มีดอกเบี้่ยสูงขึ้น
ในไตรมาสแรก สิ้นสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โตโยต้ามีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 19% มาอยู่ที่ 682,600 ล้านเยน สูงกดว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ราว 635,900 ล้านเยน
สำหรับในเอเชียนั้น โตโยต้ามีกำไรจากการดำเนินงานพุ่งขึ้น 38% จากยอดขายที่แข็งแกร่งในจีน อินเดีย และไทย ส่วนในตลาดอเมริกาเหนือ กำไรร่วงลง 12% แรงกดดันจากการให้ส่วนลด และจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อจูงใจลูกค้า ขณะที่ในญี่ปุ่น บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 24% เนื่องจากการส่งออกแข็งแกร่ง
