General

ระดมสมอง! แพทย์ทหาร-สธ.กรณีสถานการณ์ ‘โควิด-19’ ระบาดรุนแรง

“กระทรวงกลาโหม” เปิดพื้นที่ระดมสมองทหารแพทย์-สาธารณสุข จัดทำแผนรองรับสถานการณ์ “โควิด-19” กรณีไวรัสแพร่ระบาดรุนแรง

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หน่วยแพทย์ในสังกัดกระทรวงกลาโหม ฝึกการแก้ปัญหาบนโต๊ะ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกรมแพทย์ทหารบก กรมแพทย์ทหารเรือ และกรมแพทย์ทหารอากาศ โดยมีพล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม เพื่อทบทวนความพร้อม รองรับการแพร่ระบาด ทดสอบการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ในภาวะวิกฤตทุกกรณี โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมหากที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส 19 เพิ่มมากขึ้น รองรับการส่งต่อผู้ป่วยได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายในระยะไกล ทั้งนี้จะสรุปเป็นแผนบูรณาการรายงานรัฐบาลต่อไป

นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความสามารถรองรับผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งจำนวนเตียงและห้องพัก ซึ่งการฝึกร่วมกับกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้ เนื่ิองจากเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์หากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นเพิ่มมากขึ้นในระดับที่สูงกว่าปัจจุบัน ตั้งแต่ 1,000 คนไปจนถึง 5,000 คน โดยมีแผนรองรับเป็นขั้นตอน

90019581 2927858703939235 8586771941291982848 n
ภาพจากเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam

รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยอาการหนักในสถานการณ์จริงที่ต้องแยกอยู่ในห้องที่มีความดันเป็นลบอยู่จำนวน 3 คน แต่ ตามหลักการจะต้องจัดเตรียมห้อง รองรับผู้ป่วยอาการหนักในลักษณะนี้ให้ได้ร้อยละ 5 ผู้ป่วยอาการปานกลางร้อยละ 15 และผู้ป่วยทั่วไปซึ่งอาการไม่หนักมากจะต้องรองรับให้ได้ร้อยละ 80

นพ.พิศิษฐ์ กล่าวว่า การฝึกซ้อมครั้งนี้ยังถือเป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน เพื่อประสานงานในการรองรับผู้ติดเชื้อ หากมีจำนวนสูงขึ้นโดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนัก โดยจะต้องสื่อสารและส่งต่อผู้ป่วยให้ได้ภายใน 3 ชั่วโมง เพราะที่ผ่านมายอมรับว่า ไม่สามารถสั่งการโรงพยาบาลเอกชนได้จึงต้องใช้กลไกของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในการประสานงาน

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพร้อมของหน่วยแพทย์สังกัดกระทรวงกลาโหมว่า หลังจากนี้โรงพยาบาลทหารจะปรับให้มีขีดความสามารถเพื่อให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะโรครองรับสถานการณ์โควิด-19 และหากมีผู้ป่วยจำนวนเพิ่มขึ้นก็ได้เตรียมสถานที่เพื่อปรับเป็นโรงพยาบาลสนาม เบื้องต้นจะใช้พื้นที่ค่ายทหาร เช่น มณฑลทหารบกต่าง ๆ รวมถึงหน่วยทหารในกรุงเทพฯ และสนามบิน ก็สามารถปรับเป็นโรงพยาบาลสนามได้ ขอให้เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาล ภายใต้การขับเคลื่อนของกระทรวงสาธารณสุข และขอให้ประชาชน ปฏิบัติตามข้อกำหนดรวมไปถึงข้อบังคับต่างๆ รับผิดชอบตัวเองและสังคม

ภาพปกจากเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam

Avatar photo