World News

นายกฯ เนเธอร์แลนด์’ ลั่น ต้องปล่อยให้ติด ‘โควิด-19’ สร้าง ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’

นายกรัฐมนตรีมาร์ก รัตเต ผู้นำเนเธอร์แลนด์ ระบุ ต้องปล่อยให้ประชาชนในประเทศ ราว 50-60% ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อน เพื่อที่จะได้สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนในประเทศ

rutte

เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา นายมาร์ก รัตเต้ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ได้แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก และยุโรปกำลังกลายมาเป็นศูนย์กลางการระบาดของโลก โดยที่เนเธอร์แลนด์พบผู้ติดเชื้อแล้ว 2,051 คน และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 58 ราย

นายรัตเต้ ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 ทำให้เนเธอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก กำลังเผชิญกับงานที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน เกิดมาตรการต่างๆ ขึ้นมามากมายทั้งในเนเธอร์แลนด์ และที่อื่นๆ เป็นมาตรการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศที่สงบสุข โดยเขาตระหนักดีว่า บรรดาผู้สูงอายุ และผู้ที่มัปัญหาสุขภาพ กังวลถึงเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสนี้อย่างมาก ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องทำ คือ ลดความเสี่ยงให้กับคนกลุ่มนี้

พร้อมกันนี้ เขายังขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในความรู้ และประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่น นายยาบ แวน ดีเซล ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อม และสาธารณสุขแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ (อาร์ไอวีเอ็ม) รวมถึง บุคคลากรทั้งใน และนอกสถาบัน นักไวรัสวิทยา แพทย์อภิบาลผู้ป่วยหนัก และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ  อันเป็นกลุ่มที่ให้คำแนะนำต่อการกำหนดมาตรการทั้งหมดที่เนเธอร์แลนด์ดำเนินอยู่ในขณะนี้  ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพึ่งพาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ และขั้นตอนต่อไปเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายรัตเต บอกด้วยว่า เขาไม่มีข้อความใดๆ ที่จะปลอบใจประชาชน มีแต่ความจริงที่ว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ และจะยังอยู่ต่อไป ไม่มีวิธีที่ง่าย หรือรวดเร็วในการออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้

อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญบอกไว้คือ ในขณะที่กำลังรอยา หรือวัคซีนที่สามารถรักษาโรคนี้ได้ การแพร่กระจายของไวรัสสามารถชะลอได้โดยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ อธิบายถึงเรื่องภูมิคุ้มกันหมู่ว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นในภายหลัง เหมือนกับการระบาดของโรคหัดในสมัยก่อน ยิ่งในกลุ่มมีประชากรที่มีภูมิคุ้มกันมากเท่าใด โอกาสที่ไวรัสจะข้ามไปแพร่เชื้อยังผู้สูงอายุที่อ่อนแอ และคนที่สุขภาพไม่ดีก็น้อยลงเท่านั้น

ดังนั้น ภูมิคุ้มกันหมู่นี้ จึงเปรียบเหมือนการสร้างกำแพงล้อมรอบตัวผู้คน  แต่ต้องตระหนักว่า อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน หรือนานกว่านั้นในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และในช่วงเวลานั้น จะต้องป้องกันคนที่มีความเสี่ยงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ddf

เขาระบุว่า โดยรวมแล้วมี 3 สถานการณ์ที่เป็นไปได้

  • การแพร่กระจายของไวรัสแบบควบคุมระดับสูงสุด

กรณีนี้จะนำไปสู่การแพร่กระจายแบบควบคุมในกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งเนเธอร์แลนด์เลือกที่จะใช้วิธีการนี้ ให้เกิดการแพร่กระจายของไวรัสแบบควบคุมระดับสูงสุด อันหมายความว่า รัฐบาลจะพยายามใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ และแพร่กระจายในระยะยาว

สถานการณ์นี้ จะทำให้คนส่วนใหญ่จะไม่สบายเล็กน้อย แต่ก็จะมีภูมิคุ้มกันขึ้นมา และรัฐจะดูแลให้แน่ใจว่าระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้ โดยมีเป้าหมายว่า บ้านพักคนชรา สถานดูแลผู้สูงอายุ โรงพยาบาล และโดยเฉพาะห้องอภิบาลผู้ป่วยหนักจะไม่รองรับผู้ป่วยจนเกินศักยภาพ เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้ยังคงสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย (ด้วยโรคอื่น) ที่อ่อนแออยู่ได้

  • ปล่อยให้ไวรัสแพร่ระบาด

สถานการณ์นี้จะทำให้ระบบสาธาณสุขรับผู้ป่วยจนเกินพิกัด ทำให้ไม่มีศักยภาพในการรักษาคนชราที่อ่อนแอ หรือผู้ป่วยด้วยโรคอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

  • พยายามหยุดไวรัสอย่างไม่รู้จบ

วิธีนี้ หมายความว่าประเทศถูกปิดอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแม้วิธีการที่เข้มงวดเช่นนี้ จะดูน่าสนใจในตอนแรก แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ไม่สามารถนำมาใช้ได้นานแค่วันหรือสัปดาห์ แต่จะต้องปิดประเทศเป็นเวลา 1 ปี หรือนานกว่านั้น และหากจะให้ทุกคนกักตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน และออกมาเมื่อได้รับอนุญาตนั้น ไวรัสก็ยังสามารถกลับมาแพร่ระบาดได้ใหม่ ถ้ามาตรการนี้ถูกยกเลิกออกไป

นายรัตเตบอกว่า คำแนะนำทั้งหมดจนถึงมาตรการทั้งหมดที่ประกาศก่อนหน้านี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บรรลุสถานการณ์แรกของ “การแพร่กระจายของไวรัสแบบควบคุมระดับสูงสุด” จากแนวทางปฎิบัติพื้นฐาน เช่น ไม่จับมือกัน ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง 1.5 เมตรระหว่างกันและกัน ไปจนถึงมาตรการห้ามการจัดกิจกรรม และปิดร้านอาหาร ซึ่งรัฐบาลจับตาดูสถานการณ์ทุกวัน เพื่อประเมินว่า ต้องใช้มาตรการเหล่านี้อีกนานเท่าใด

ส่วนเรื่องที่ว่า จะต้องเพิ่มมาตรการที่จำเป็นอีกหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่จำนวนผู้ติดเชื้อในสัปดาห์หน้า และเดือนหน้า รวมถึง การพิจารณาข้อมูลเชิงลึกทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ เพราะการค้นคว้าวิจัยยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ามาตรการบางอย่างสามารถผ่อนคลายได้ แต่บางครั้งก็ต้องกลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวดอีกครั้ง เพื่อควบคุมไม่ให้การระบาดของไวรัสเป็นไปอย่างไม่จำกัด

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ กำลังหามาตรการที่เหมาะสมอยู่ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการดำเนินมาตรการที่จำเป็น และช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นปกติต่อไปได้มากที่สุด ซึ่งถ้าสามารถควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสด้วยวิธีนี้ ผลกระทบด้านสาธารณสุขจะสามารถจัดการได้ในที่สุด

ที่มา : เฟซบุ๊กเพจ Dutchthingy

Avatar photo