Properties

คนซื้อโอดราคาบ้าน-คอนโดแพงเกินเอื้อม

บรรยากาศงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 37

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค ต่อสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 (DDproperty Consumer Sentiment Survey 1H 2018) พบคนอยากซื้อบ้านส่วนใหญ่มองราคาอสังหาฯ แพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น และภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดี จึงทำให้ความพึงพอใจที่มีต่อตลาดอสังหาฯ ลดลง และอยากให้ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริม ในการซื้อที่อยู่อาศัยรอบใหม่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมจับตากลุ่มมิลเลนเนียล อนาคตตลาดอสังหาฯ

จากผลสำรวจ DD property Consumer Sentiment Survey 1H 2018 มีผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามออนไลน์กว่า 1,000 คน พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ 70% มองว่าอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีราคาแพง หรือราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น อีกทั้ง 61% ยังมองว่า ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ปรับตัวดีขึ้น

ด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้ดัชนีความพึงพอใจที่มีต่อตลาดอสังหาฯ ของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ปรับตัวจากผลสำรวจรอบที่ผ่านมาลงมาอยู่ที่ 57% และลดลงอย่างมากจากเมื่อ 3 ปีก่อนหน้าที่ดัชนีความพึงพอใจของผู้บริโภคสูงถึง 68% สามารถในการซื้อที่ลดลง ผู้บริโภคกว่า 61% มองว่ารัฐบาลไม่ได้ออกมาตรการใดๆ ช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น

 

รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลืออย่างไร 01

สำหรับแนวทางที่ผู้บริโภคมองว่า ภาครัฐควรสนับสนุนให้คนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น โดย อันดับ 1 มีถึง 69% อยากให้รัฐกำหนดเกณฑ์ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ และ 62% อยากให้รัฐออกมาตรการหรือนโยบายช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านหลังแรก และอีก 45% อยากให้รัฐควบคุมอุปทานของอสังหาฯทุกประเภท

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภค 83% มองว่าอสังหาฯจะมีมูลค่าสูงขึ้น ภายใน 1-5 ปี ส่วนด้านแนวโน้มการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ผู้บริโภค 41% กำลังพิจารณาซื้ออสังหาฯในอีก 6 เดือน  ขยับขึ้นจาก 36% ในครึ่งปีหลังปี2560 ที่ผ่านมา

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ในเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เปิดเผยว่า การสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง แต่ราคาเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่อการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะบ้านหลังแรกที่กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนเริ่มทำงาน เริ่มมีครอบครัว ที่กำลังซื้อไม่ได้สูงมาก  แม้จะมีความต้องการว่าจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย แต่หากในอีก 6 เดือนข้างหน้า ราคาอสังหาฯยังเข้าถึงยาก ก็อาจจะไม่เกิดเป็นการตัดสินใจซื้อได้จริง

จากการสำรวจความต้องการดังกล่าวยังพบว่า 36% ระบุทำเลที่ต้องการอันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ รอบนอก รองลงมา 26% เลือกทำเลโซนศูนย์กลางธุรกิจใหม่หรือ New CBD ได้แก่ รัชดาฯ, ลาดพร้าว และพระราม 9 ตามด้วย 15% ระบุว่า ต้องการทำเลโซนสุขุมวิทตอนกลาง ได้แก่ พระโขนง, อ่อนนุช และอุดมสุข โดยประเภทที่อยู่อาศัยที่ผู้บริโภคต้องการเป็นอันดับ 1  บ้านเดี่ยว 58% อันดับ 2  คอนโดมิเนียม 55%

ในส่วนของระดับราคาพบว่าผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 6 เดือน 95% มีความสามารถในการซื้อไม่เกิน 5 ล้านบาท นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยอันดับ 1 ยังคงเป็นเรื่องของทำเล ถึง 95% รองลงมา คือ 69% เป็นโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก และตามด้วย 64% เรื่องความปลอดภัย

เหตุผลหลักที่ทำให้กลุ่มมิลเลนเนียลไม่คิ

กลุ่มมิลเลนเนียลตลาดใหญ่อสังหาฯ

ในการสำรวจครั้งนี้ ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามอง คือ กำลังซื้อของกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) หรือกลุ่มคนที่มีอายุอยู่ในช่วงระหว่าง 18 – 34 ปี  คาดว่าจะเป็นกลุ่มที่จะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงสังคมและเศรษฐกิจในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า โดยจากการสำรวจ พบว่า ปัจจุบันกลุ่มมิลเลนเนียล กว่า 50% อาศัยอยู่กับพ่อแม่

โดย 5 เหตุผลหลักที่ไม่ย้ายออก คือ ต้องการดูแลพ่อแม่, มีเงินออมไม่มากพอที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง, ยังไม่แต่งงาน, บ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบันมีขนาดใหญ่เพียงพอ  เห็นว่าราคาที่อยู่อาศัยแพง เลือกเก็บเงินดีกว่า

แม้ว่าปัจจุบันคนกลุ่มมิลเลนเนียล จะยังไม่ได้ออกไปมีที่อยู่อาศัยเอง แต่พบว่า 45% มีแผนที่จะแยกออกไปอยู่เอง เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป และ 65% ระบุว่า มีแผนการเก็บเงินในแต่ละเดือน เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย

“กลุ่มมิลเลนเนียลนับได้ว่า มีแนวโน้มจะกลายเป็นตลาดใหญ่ของภาคอสังหาฯ และจะมีการตัดสินใจซื้อบ้านในอนาคตเนื่องจากส่วนใหญ่อาศัยอยู่กับพ่อแม่  ขณะเดียวกันยังมีอีกกลุ่มที่ต้องการที่จะย้ายออก  มีแผนการเก็บเงินเพื่อซื้ออสังหาฯ คาดจะมีกำลังซื้ออยู่ระหว่าง 1-4 ล้านบาท เมื่อมองจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ดีเวลลอปเปอร์อาจต้องพิจารณาประชากรกลุ่มนี้รวมถึงระดับราคามากขึ้น” นางกมลภัทร กล่าว

Avatar photo