บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ของตลาดหุ้นนิวยอร์ก มูลค่าหายไปมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในเวลาเพียงแค่ 2-3 นาที หลังเปิดตลาดซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (16 มี.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น จากการที่นักลงทุนพากันตื่นตระหนก เกี่ยวกับความเสียหายของเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 21,286.04 จุด ร่วงลง 1,899.58 จุด หรือ 8.19% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,502.04 จุด ดิ่งลง 208.98 จุด หรือ 7.71% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 7,304.43 จุด ร่วงลง 570.44 จุด หรือ 7.24%
การซื้อขายในดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ ระงับไปนาน 15 นาที ในช่วงเปิดตลาด ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในช่วงเวลา 6 วัน ที่ต้องใช้ระบบ circuit breaker เนื่องจากดัชนีเอสแอนด์พี 500 โดนเทขายอย่างหนักดิ่งลงไปถึง 8% ทำให้ต้องพักการซื้อขายโดยอัตโนมัติ
การลดดอกเบี้ยอย่างหนักของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมาเหลือ 0% แทนที่จะช่วยหนุนความรู้สึกของนักลงทุน กลับกลายเป็นสัญญาณเตือนที่เพิ่มมากขึ้น ถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะย่ำแย่หนัก จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางความวิตกว่า การระบาดนี้ จะทำให้ซัพพลายเชน กลายเป็นอัมพาต และทำรายได้ภาคธุรกิจทรุดหนัก
ภาวะมืดหม่นของเศรษฐกิจโลก ยังฉุดให้ีราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ของสหรัฐ ร่วงลง 2.52 ดอลลาร์ หรือ 7.94% มาอยู่ที่ 29.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะความกังวลถึงความต้องการที่ลดลง จากการที่นานาประเทศออกมาตรการคุมเข้มการเดินทาง
แม้กระทั่งสินทรัพย์ ที่นักลงทุนมองว่าเป็นแหล่งลงทุนปลอดภัย อย่าง ทองคำ ยังมีราคาร่วงลงเกือบ 60 ดอลลาร์ หลุดระดับ 1,460 ดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
