COLUMNISTS

‘แห่’ ซื้อของซูเปอร์ฯ กักตุน หรือ รับมือ

Avatar photo
1211

ประชาชนขอประเมินเอง ไม่รอรัฐประกาศระยะ 3 แห่ “ตุน” สินค้า เหตุไวรัส COVID-19 ระบาดหนัก หลังผู้ติดเชื้อพุ่ง 32 คนเมื่อ 15 มีนาคม ปรับพฤติกรรม ออกจากบ้านให้น้อย พึ่งตลาดชุมชนแทน  

S 13730043

S 13730045

วันสองวันมานี้ เราได้เห็นปรากฎการณ์ ประชาชนเฮละโลกันไปซุปเปอร์มารเก็ต เรียกว่าแน่นเอี๊ยด กวาดสินค้าบางชั้นกันจนโล่ง โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ของกระป๋องทั้งหลาย ด้านหนึ่งนพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค หัวหอกหลักของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุข มองโลกในแง่ดี และมองข้ามประเด็น “กักตุน”

บอกว่า ปรากฎการณ์นี้ อธิบายได้ว่า เป็นเพราะผู้คนกำลังบริหารจัดการชีวิตของตัวเองใหม่ ซื้อของเผื่อว้นอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตบ่อยๆเหมือนเคย  ลดความเสี่ยง เรียกศัพท์ทางวิชาการว่า เป็นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing จะได้ไม่ต้องเข้าที่ชุมชนบ่อยๆ ลดความเสี่ยงไวรัส COVID-19 เพราะรู้ๆอยู่ว่า แต่ละวันซุปเปอร์มาร์เก็ตมีคนเข้าออกเป็นพันๆคน มาจากที่ใดไม่ทราบได้ ป่วยหรือไม่ก็ไม่รู้อีก

thumbnail 36

 

thumbnail 30

แต่ส่วนลึกแล้ว “คนแห่มาซื้อของ” ก็เพราะข่าวคราวการติดเชื้อในประเทศไทยเป็นกลุ่มก้อน  ตั้งแต่ 11 คนที่เป็นเพื่อนร่วมปาร์ตี้ชาวฮ่องกง วันต่อมาติดอีก 5 คน ถัดมาติดอีก 7 คน แต่ละวันประชาชนตามติด เห็นว่า 5 คน 7 คนก็มากโขแล้ว มาวันที่ 15 มีนาคม 2563 ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ประกาศตัวเลข ผู้ติดเชื้อเพิ่มพรวดถึง 32 คน  เรียกว่า เล่นเอา “ตื่น” กันทั้งเมือง

ห้ามก็ไม่อยู่แล่ว ประชาชนประเมินกันเองว่า “เข้าสู่การระบาดระยะ 3 ในวงกว้างเป็นแน่” และคนจำนวนไม่น้อย ตั้งปณิธานว่า ต้องกักตุนของ ทั้งข้าวสารอาหารแห้ง เพราะแม้ทางการจะไม่ประกาศใดๆ “การอยู่บ้านดีที่สุด” เพราะการออกจากบ้านในเวลานี้ เหมือนออกไปสนามรบ ยังไงยังงั้น

เลยไปรวมกันที่ ซุปเปอร์มาร์เก็ตในช่วงวันสองวันนี้ เอาไว้กินไว้ใช้ยามต้องอยู่บ้านนานๆ เพราะไม่รู้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรในอนาคต  “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ดีที่สุด แถมเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตกัน ดูว่าก็ไม่เดินแช่แป้งเหมือนเคย พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนไปขั้นนั้น ดิ่งซื้อของ คิดสตางค์ กลับ ไม่ลังเลรีรอ

S 45441026

ปรากฎการณ์แบบนี้ เราถือว่าเป็นการ “ตุน” ของประชาชน เพื่อดูแลตัวเอง มากกว่า “กักตุน” แบบพ่อค้าหัวใสไว้โก่งราคา จึงเป็นคนละความหมายกับ “หน้ากากอนามัย”

แต่ก็ “ตุน” กันพอประมาณ เพราะ ชุมชนรอบตัว มีของขายสารพัน ตลาดสดตลาดนัดมีทุกหัวระแหง ซื้อขายกันแบบ “โปร่งๆ โล่งๆ ”  สิบยี่สิบก็ซื้อหาได้ ตลาดแบบบ้านๆ ใกล้ๆบ้าน ไม่ปรุงแต่ง แบบคนจริงขายกันจริงจัง  หลายๆที่กำลังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะประชาชนประเมินแล้ว “เวลานี้ปลอดภัยกว่าเข้าห้างแน่นอน”

ร้านโชว์ห่วยอยู่กันมานานนม ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย บริการดีๆ ก็ยังเปิดขายกันไม่น้อย จากเดินผ่านกัน ก็เดินเข้ากันไปอุดหนุน สนใจกันมากขึ้น แทนที่จะมองข้าม ดิ่งไปแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตากแอร์เหมือนที่ผ่านๆมา

กลับมาวิถีแบบไทยๆดีที่สุด เมื่อ “ห้าง” เป็นสถานที่เสี่ยง ก็หากินอยู่กันรอบๆชุมชนของเรา ร้านขายยา โล่งๆ ก็มีให้ซื้อหาครบ เพียง อย่าติดว่า “ไม่ทันสมัย”

ขอให้ภูมิใจในความเป็นไทยเถิด ข้อดีของความเป็นไทยมีมากมาย เจอกันทักทายไหว้แบบไทย แบบมีระยะห่าง ก็ปลอดภัย ภูมิศาสตร์ไทย ก็ปลอดภัย เมือง “ร้อน” กลายเป็นดี แถมยังมีลมพัดผ่าน ผักผลไม้สดหมูเป็ดไก่ในตลาด มีให้เลือกสรร อาหารสำเร็จพร้อมบริโภคในตลาดก็มี ไม่อดอยาก

พื้นฐานเมืองไทยดีอยู่แล้ว แต่ยังไงการให้ความสำคัญกับ “สุขอนามัยส่วนบุคคล” ก็ต้องมีเสมอ  “กินร้อนช้อนกลาง ใส่หน้ากากเมื่อต้องเข้าชุมชน ล้างมือบ่อยๆ”  จะได้พ้นโรคแบบหายห่วง

thumbnail 33 ลบ

thumbnail 35