นางสาวอัญชนา วัลลิภากร ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาเกี่ยวกับ Big Data ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Comprehensive Marketplace และ Data Platform กล่าวว่า จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยที่หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการค้นข้อมูลมากกว่า 80% ก่อนที่จะตัดสินใจติดต่อทางโครงการ หรือเข้าเยี่ยมชมโครงการ ทำให้ Big Data กลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ต่อการวางกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ประกอบการรับรู้และเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ สามารถพัฒนาสินค้าและบริการได้ตรงความต้องการของผู้บริโภคดียิ่งขึ้น
ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี Big Data โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในด้านของผู้บริโภค เพื่อให้มีแหล่งข้อมูลที่สมบรูณ์ สำหรับการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ ด้วยเทคโนยีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้แบบรายบุคคล (Personalization) และในส่วนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัทได้พัฒนารูปแบบการให้บริการครบทุกด้านพร้อมทั้งข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนอย่างครอบคลุมครบถ้วน
“ล่าสุดบริษัทได้เปิดบริการใหม่ ได้แก่ ระบบประมาณการราคาบ้านอัจฉริยะที่เรียกว่า Bestimate และ ระบบวิเคราะห์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในเชิงลึก จากโซเชียล มีเดีย ที่เรียกว่า Baania Pulse ที่สามารถเปลี่ยนคลังขุมทรัพย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบัน ทั้งใน เฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์ รวมถึงการโพสต์ และการแสดงความคิดเห็น ให้กลายมาเป็นข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจ (Business Insight) ได้”
นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริการในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ Baania Marketplace Service เครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ที่ศึกษาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคจาก Big Data ที่นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อค้นหาความต้องการของผู้บริโภค และนำมาเป็นแนวทางการสื่อสาร เพื่อส่ง ลูกค้าคาดหวัง (Lead) ที่มีคุณภาพให้กับทางโครงการทั้งในระดับ Call Registration และการเข้าเยี่ยมชมโครงการ โดยใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence : AI, Machine Learning, Lead Scoring, Recomendation System
Baania Data Service เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการลงทุน ข้อมูลสภาพตลาด การแข่งขัน ลงได้ลึกถึงในระดับย่าน ตามแนวถนน แนวรถไฟฟ้า ทั้งในฝั่งของโครงการอสังหาริมทรัพย์ และความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยในเชิงลึก ทั้งความต้องการในประเภทสินค้า ระดับราคา แบบบ้าน และทำเลที่กำลังสนใจ โดยทราบถึงข้อมูลผู้บริโภคในรูปแบบของ Data Package, Market Analysis และ Project Analysis
บริการใหม่เจาะพฤติกรรมซื้อบ้านจากโซเชียลมีเดีย
Baania Technology Service ซึ่งประกอบด้วย Living Score เป็น Big Data ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาตอบโจทย์สภาพแวดล้อมของทำเลในระดับย่านและโครงการ ทั้งในเรื่องของความสะดวกในการใช้ชีวิต โครงข่ายคมนาคม สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อลดขั้นตอนในการลงพื้นที่สำรวจ โดยการให้คะแนนแต่ละทำเลตามความสมบูรณ์ขององค์ประกอบในการอยู่อาศัยที่ดี
รวมถึงบริการใหม่อย่าง Baania Pulse Deep Social Listening เครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถทราบความเคลื่อนไหวของผู้บริโภคบนโลกโซชียล มีเดีย ทั้งในแง่ของผลกระทบที่มีต่อโครงการ การวัดผลการออกแคมเปญ และ Share of Voice ของบริษัทในตลาด และ Bestimate ระบบประมาณราคาอัตโนมัติ ที่จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน โบรกเกอร์ ให้สามารถทราบราคาประมาณของสินทรัพย์ที่เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าสู่ระบบการประเมิน
นางสาวอัญชนา กล่าวอีกว่า หลังจากบริษัทได้เปิดตัวเว็บไซต์ www.baania.com ที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น ในปี 2559 และได้เปิดตัวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 ในระยะเวลาที่ผ่านมาต้องถือว่าบริษัทมีการเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี Big Data เข้ามาตอบโจทย์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยหลังจากการร่วมทุนรอบ Seed Fund ในปีที่ผ่านมา มีบริษัท Rain Tree .com และบริษัท 500 TukTuks ที่มองเห็นศักยภาพของบริษัทตั้งแต่เปิดตัวในภูมิภาค
ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี หลังการร่วมทุนในรอบ Seed Fund บริษัทได้รับการร่วมทุนในรอบ Series A จาก 4 องค์กรใหญ่ ได้แก่ กรุงศรี ฟินโนเวต ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา, AddVentures ในเครือ เอสซีจี, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ 500 TukTuks ที่ได้เพิ่มการลงทุนในรอบนี้ด้วย ทำให้บาเนียมีความแข็งแกร่งทั้งด้านเงินทุนและองค์ความรู้จากเครือข่ายพันธมิตรผู้ร่วมทุนในการพัฒนาเทคโนโลยี Big Data เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และตอบโจทย์การทำธุรกิจของผู้ประกอบการได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดผู้เข้าใช้บริการจำนวน 2.1 ล้านคน จนถึงปัจจุบันยอดผู้ใช้บริการได้เพิ่มเป็นกว่า 5.1 ล้านคน และคาดการณ์ว่าจนถึงสิ้นปี 2561 จะมีผู้ใช้บริการถึง 7 ล้านคน ทำให้บริษัทมีข้อมูลกว่า 3,500 ล้าน Consumer Data Point ในการนำมาวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์
ขณะที่เดียวกันได้ขยายพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มจากปี 2560 มีข้อมูลครอบคลุม 10 จังหวัด ภายในสิ้นปี 2561 ข้อมูลโครงการจะคลุมทั้งหมด 26 จังหวัดที่มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้บริษัทมีข้อมูลโครงการกว่า 14,738 โครงการ มีแบบบ้าน 32,421 แบบบ้าน จากจำนวน 2,593,680 ยูนิต พร้อมข้อมูลโครงการบ้านมือสองที่ได้รับความร่วมมือจากโบรกเกอร์อีกกว่า 140,000 ยูนิต
ทั้งนี้ บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาใน 4 เรื่องหลักๆ ได้แก่ 1. ด้านข้อมูล (Data) จะพัฒนาข้อมูลให้สมบรูณ์ตามรูปแบบการพัฒนา Big Data ทั้งในเรื่องของ Scale ที่ครอบคลุมครบถ้วนทุกภูมิภาค Scope ข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้หลากหลายรูปแบบ Speed โดยมีการอัพเดทข้อมูลอย่างเป็นระบบ และมีความสดใหม่ 2.ด้านเทคโนโลยี โดยการพัฒนา Deep Technology ที่จะเข้าช่วยการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
3.ด้านการตลาด จะปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ Baania.com ให้เป็นช่องทางหลักสำหรับผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ภายในแนวคิด ”ง่าย ครบ จบเว็บเดียว” และเป็นช่องทางการตลาดหลักให้กับผู้ประกอบการทั้งในเว็บไซต์ baania.com และช่องทางดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งให้มีประสิทธิภาพและต้นทุนที่ต่ำลง และ 4. การสร้างชุมชนธุรกิจ (Community) เพื่อให้เกิดระบบนิเวศ (EcoSystem) ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สมบรูณ์ สำหรับผู้บริโภค ผู้ประกอบการบ้านใหม่ บ้านมือสอง บ้านเช่า โบรกเกอร์