ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (12 มี.ค.) ยังคงร่วงลงจนเข้าสู่ภาวะหมี ท่ามกลางความวิตกถึงมาตรการของรัฐบาลสหรัฐ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศห้ามการเดินทางจากยุโรปในทุกช่องทาง เข้ามายังสหรัฐ นาน 30 วัน
หลังเปิดซื้อขายได้ไม่นานนัก ตลาดต้องใช้ระบบ circuit breaker เป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้เพื่อพักการซื้อขายชั่วคราว จากการที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,856.91 จุด ลบ 1,696.31 จุด หรือ 7.20% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ 2,549.05 จุด ลบ 192.33 จุด หรือ 7.02% ส่งผลให้มีการใช้ระบบ circuit breaker พักการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาที
อย่างไรก็ดี เมื่อกลับมาซื้อขายอีกครั้งดัชนีหุ้นก็ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมา โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่ 21,610.60 จุด ทรุดลง 1,942.62 จุด หรือ 8.25% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,542.22 จุด ดิ่งลง 199.16 จุด หรือ 7.26% และดัชนีแนสแด็กที่ 7,401.84 จุด ร่วงลง 550.21 จุด หรือ 6.92%
คำประกาศของทรัมป์ ทุบหุ้นกลุ่มสายการบินอย่างหนัก โดยที่ดัชนีย่อยสายการบินในเอสแอนด์พี 500 ดิ่งลงไปถึง 10.1% ส่วนราคาหุ้นบริษัทเรือสำราญ คาร์นิวัล คอร์ป และรอยัล แคริบเบียน ทรุดไปถึง 17% และ 24% ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดไม่ได้กังวลเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจกำลังซบเซาเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะย่ำแย่หนักจนทุกกิจกรรมปิดตัวทั้งหมด ทำให้เกิดการเทขายหุ้นออกมาจากอย่างหนัก จนทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤติการเงินขึ้นมาอีกครั้ง
นักลงทุนยังรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ไร้เป้าหมายอย่างชัดเจน และขาดรายละเอียดเกี่ยวกับการรับมือด้านสาธารณสุข
สถานการณ์ในตลาดหุ้นยังฉุดให้สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ดิ่งลงกว่า 6% หลุดระดับ 31 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 30.90 ดอลลาร์ จากความวิตกว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ จะยิ่งฉุดความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากที่ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้วจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19