ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์เปิดตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี โดยที่พบว่าธุรกิจโมบายล์อาจประสบปัญหา เมื่อยอดขายของแกแล็กซี่ เอส 9 ไม่เป็นไปตามเป้า และมีรายได้จากธุรกิจโมบายล์ตกลง 34% อยู่ที่ 2.7 ล้านล้านวอน ซึ่งถือเป็นการลดลงของผลประกอบการครั้งสำคัญนับตั้งแต่การเปิดตัวแกแล็กซี่ เอส 7 เลยทีเดียว
โดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่จากเกาหลีใต้เผยว่า ผลกำไรจากธุรกิจสมาร์ทโฟนนั้นตกลง 34% จากเมื่อปีก่อน และถือเป็นสถิติที่ลดลงเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2560 ส่วนหนึ่งมาจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนราคาถูกจากจีนเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของซัมซุงอธิบายกับนักลงทุนว่าจะตีตื้นกลับมาให้ได้โดยเร็ว ท่ามกลางความกังวลว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซัมซุงจะสร้างนวัตกรรมอย่างไรให้กับพรีเมียมโฟน เพื่อให้มันสามารถ “ขาย” ได้
“ซัมซุงเสียจุดเด่นด้านราคาให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีนไปแล้ว และตอนนี้ยังถูกท้าทายจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในจีนด้วยความโดดเด่นด้านการออกแบบและฮาร์ดแวร์ไปอีก นี่จึงไม่ใช่เกมที่ง่ายสำหรับซัมซุงเลย เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะหาความต้องการของผู้บริโภคเจอในตลาดสมาร์ทโฟนตัวใหม่” ปาร์ค จุง ฮุน ผู้จัดการกองทุนจาก HDC Asset Management กล่าว
นอกจากนั้น ยังพบว่าซัมซุงมีค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดแกแล็กซี่ เอส 9 ที่สูงมาก สวนทางกับยอดขายที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากเช่นกัน ขณะที่คู่แข่งของซัมซุงได้มีการเร่งพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ออกมาจำนวนมาก ซึ่งในจำนวนนี้ได้รวมถึงแอปเปิล ซึ่งเป็นผู้ซื้อชิ้นส่วนจากซัมซุงด้วย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าแอปเปิลจะมีผลประกอบการและกำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ของบริษัท ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันของนักลงทุนต่อยอดขายไอโฟนที่ในไตรมาสที่ผ่านมามีการเติบโตไม่สูงมากนักเช่นกัน
สำหรับผลประกอบการของซัมซุงมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่งขึ้น 5.7% คิดเป็นมูลค่า 14.9 ล้านล้านวอน หรือ 13.3 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 14.8 ล้านล้านวอน รายได้ในระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายนตกลง 4% เหลือ 58.5 ล้านล้านวอน
รายได้จากธุรกิจโมบายล์อยู่ที่ 34% หรือ 2.7 ล้านล้านวอน ซึ่งถือเป็นการลดลงของผลประกอบการครั้งสำคัญนับตั้งแต่การเปิดตัวแกแล็กซี่ เอส 7 นอกจากนั้น ตัวเลขจาก Counterpoint Research ยังพบว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยอดขายซัมซุง แกแล็กซี่ เอส 9 พลัส ได้ถูกไอโฟน 8 แซงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
แต่ในขณะที่ธุรกิจโมบายล์ของซัมซุงมีปัญหานั้น ธุรกิจชิปของซัมซุงกลับยังแข็งแกร่ง จากผลการเติบโตของคลาวด์คอมพิวติ้งและอุตสาหกรรมเงินดิจิทัลที่ทำให้ราคาชิป DRAM เพิ่มสูง โดยหน่วยธุรกิจชิปของซัมซุงมีกำไรจากการดำเนินงาน 11.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 45% จากปีที่แล้ว เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ซึ่งในจุดนี้ ซัมซุงได้เผยว่าความต้องการชิป DRAM ยังคงแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ของปีนี้ อันเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจดาต้าเซนเตอร์ สำหรับคลาวด์คอมพิวติ้งนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Reuters
