“YLG” มองราคาทองปีนี้สดใส หลังเศรษฐกิจโลกน่าห่วง พร้อมเสิร์ฟโปรแกรมออมทองใหม่ เริ่มต้นแค่ครั้งละ 10 บาท
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย กล่าวว่า นับจากต้นปีที่ผ่านมาราคาทองปรับขึ้นมาอย่างร้อนแรงแม้ระหว่างทางจะมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ในระยะยาวปีนี้ยังคงเป็นปีของตลาดทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มต่ำลง ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% เป็นการส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วงและนำไปสู่การการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะดำเนินนโยบายเช่นเดียวกัน จึงส่งผลให้มีเงินลงทุนไหลเข้ามาในตลาดทองคำมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทยนั้นแม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงและมีแนวโน้มว่าจะปรับลดลงตามทิศทางดอกเบี้ยโลก แต่ก็มีเพียงกลุ่มนักลงทุนที่มีเงินทุนค่อนข้างสูงเท่านั้นที่ปรับพอร์ตการลงทุนมาให้น้ำหนักทองคำมากขึ้น แต่สำหรับรายย่อยหรือผู้ที่มีเงินทุนน้อยก็ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการลงทุนในทองคำ แม้ว่าล่าสุด YLG จะได้ออกโปรแกรมออมทองเริ่มต้น 100 บาท ออกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่พบว่ามีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและกลุ่มเริ่มทำงานให้ปรับการออมลงมาเริ่มต้นที่ 10 บาท เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ทุกกลุ่มเกิดการออมทาง YLG จึงได้ปรับโปรแกรมในการให้บริการออมทองเหลือเพียงเริ่มต้นครั้งละ 10 บาท ผ่านโปรแกรม YLG GOLDSAVING หรือ บริการออมทองผ่าน www.ylggoldsaving.com ซึ่งใช้เงินลงทุนเพียงครั้งละ 10 บาทเท่านั้น โดยลักษณะของการออมอยู่ในรูปแบบของการซื้อทองคำสะสมเริ่มต้นเพียงครั้งละ 10 บาท
“จุดเด่นที่สำคัญ คือ ผู้ออมสามารถกำหนดราคาในการเข้าซื้อทองคำได้เองจากการดูราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ และสามารถเข้ามาซื้อทองคำในรูปแบบการออมทองได้ในราคาที่ต้องการตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ซื้อสามารถซื้อขายได้ทุกระดับราคาไม่ว่าจะสะสมได้เท่าไหร่ก็สามารถขายได้ แต่หากต้องการได้รับทองคำเก็บไว้ผู้ออมจะต้องสะสมทองคำไปจนครบจำนวน 1 สลึง จึงจะสามารถไถ่ถอนนำทองคำกลับไป หรือ จะออมต่อเนื่องเพื่อสะสมความมั่งคั่งก็สามารถทำได้” นางพวรรณ์ กล่าว
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนทองคำในช่วงนี้ ฝ่ายวิจัยของ YLG แนะนำทั้งนักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ ขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมืออาจขายบางส่วนหากราคาไม่สามารถยืนเหนือบริเวณแนวต้าน 1,703-1,723 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (โซน High ของปีนี้ และ High ธ.ค. ปี 2012) ได้ แล้วรอทะยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงแนวรับโซน 1,642-1,624 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยเมื่อราคาหลุดแนวรับแรก ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยควรตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 1,624 ดอลลาร์ต่อออนซ์
