“จุรินทร์”จัดหนัก! จับ”ลาซาด้า”รวดเดียว 3 คดี ขาย”หน้ากากอนามัย”เกินราคา สั่งพนักงานเจ้าหน้าที่เดินหน้าลุยสืบสวนสอบสวนต่อ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงการจับกุม ผู้กักตุนและขายเกินราคาหน้ากากอนามัย ร่วมกับ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกฎหมายในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับคณะทีมงาน
นายจุรินทร์ กล่าวว่าจากการติดตามการค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์ม ได้ให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เชิญแพลตฟอร์ม ที่มีการค้าออนไลน์ทีหมิ่นเหม่ต่อการกระทำ ผิดกฏหมาย และได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมาพบที่กระทรวงพาณิชย์ ได้เตือนให้ระมัดระวังอย่าให้กระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น วันนี้ได้ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้า (LAZADA) จำนวน 3 คดี
1.คดีที่จังหวัดนครปฐม ทราบว่าร้านขายยาชื่อ ดีดี ฟาร์มา มีการค้าออนไลน์บนลาซาด้า พบของกลางจำนวน 28 กล่อง เป็นหน้ากากอนามัย และมีโค้ดลาซาด้าอยู่บนกล่อง ที่เตรียมการในการที่จะส่งมอบให้กับผู้ซื้อปลายทาง พนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ตั้งข้อหาสองข้อหาเบื้องต้น คือ ขายเกินราคา และขายเกินราคาอันสมควร
สำหรับการขายเกินราคาชิ้นละ 2.50 บาท ได้ขายกล่องละ 1,100 บาท เฉลี่ยชิ้นละประมาณ 22 บาท และขายเกินราคาสมควรคือ ค่ากำไร ราคาโทษไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนค้ากำไรเกินควรจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้งสองกระทง และวันที่ 11 มีนาคม หลังจากขยายผลในเรื่องนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของพาณิชย์จังหวัดนครปฐมได้เข้าแจ้งความเวลา 10.00 น. กับกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของลาซาด้าในฐานะตัวการร่วม ซึ่งมีโทษเท่ากันและพนักงานสอบสวนได้รับคดีเรียบร้อยแล้ว
3. กรณีที่จังหวัดนครปฐม ร้านที่ดำเนินการขายผิดกฎหมาย คือ Appliance & Safety (NK) โดยขายในราคากล่องละ 1,299 บาท ชิ้นละ 26 บาท จะแจ้งข้อหาขายเกินราคากำหนดและค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน และจะดำเนินคดีที่กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวว่าขณะนี้พบว่ามีความพยายาม ที่จะหาลู่ทางในการค้ากำไรเกินควร โดยปรับรูปแบบไปขายตามราคาควบคุม แต่คิดค่าขนส่งแพงมาก ขอเตือนว่าผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน จะเข้าข่าย ขายเกินราคาและขายในราคาสูงเกินสมควร ในสองข้อหาเช่นเดียวกัน เพราะคำว่าราคาควบคุมนั้นรวมทั้งตัวสินค้าและค่าบริการด้วย ดังนั้นค่าขนส่งถือเป็นค่าบริการถือว่าอยู่ในกฎหมายเช่นเดียวกัน ใครที่กำลังทำอยู่ก็มีความผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลซึ่งอยู่ในพรรคการเมือง เล็กพรรคหนึ่งส่อกระทำความผิด ว่าไม่มีการยกเว้น ทั้งนี้ได้เข้าร่วมกับพนักงานสอบสวนในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นทั้งในส่วนที่เป็นข่าวและในส่วนที่เกิดขึ้นใหม่ก็จะได้ตามสืบสวนสอบสวนต่อไป หากรถกระทำความผิดกฎหมายได้ก็จะดำเนินการทันที กรณีพี่ขาวหมายถึงบุคคลในพรรคภราดรภาพนั้น ก็เช่นกันกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมาย หากประชาชนจะให้ความร่วมมือกลับเบาะแสและข้อมูลสามารถประสานงานได้ที่สายด่วน 1569 ทันที
คดีที่เกี่ยวกับนาย “บอย” ได้นำไปสู่การดำเนินคดีเกิดมาจากที่ทางสายตรวจของกระทรวงพาณิชย์ ได้นำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการโพสต์ลงใน Facebook โดยใช้ชื่อจริงก็ส่งให้ร่วมมือกับกองมาครับการปราบปรามผู้บริโภคสืบสาวราวเรื่องพบว่า อยู่จังหวัดชลบุรีและมีการลงโดยใช้บัญชีของธนาคารกสิกรไทย จนตามเจอตัวแล้วได้ติดตามและเข้าไปใน Facebook ปรากฏว่า Facebook ปิดไปแล้ว และตรวจสอบโทรศัพท์ที่ลงไปไว้โทรไปแล้วปรากฏว่าเบอร์โทรนี้ยังไม่จดทะเบียนในระบบเข้าใจว่า มีการปิดไปแล้วไม่นานนี้จึงมีเสียงตอบรับว่ายังไม่จดทะเบียนในระบบแต่ไม่ได้ตัวบุคคลมาก็ส่งพนักงานสอบสวนเจ้าพนักงานสอบสวนก็กำลังขยายผลในเรื่องอื่นต่อไป
ในส่วนของข้อหาอาจจะได้ถึง 3 ข้อหา มีสินค้าไว้และไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือ ในกรณีที่เป็นตัวแทนจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และอาจเป็นข้อหามาตรา 25(1)
ขายเกินราคาควบคุม จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และสุดท้ายมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท ตอนนี้อยู่ในมือของพนักงานสอบสวนแล้ว ทีมงานสายตรวจของกรมการค้าภายใน กำลังสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูล ส่งให้กับพนักงานสอบสวนทำการดำเนินคดี
ขณะนี้กรมการค้าภายในลงตรวจสอบร่วมกับเจ้าที่ตำรวจพบว่ ามีการเก็บของอยู่ 12,500 ชิ้น ในเรื่องนี้กรมการค้าภายในได้ให้ ออกหมายเรียกมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนข้อหาอื่นคือพนักงานสอบสวนพบว่าตึกนี้เป็นที่ทำการของบริษัทตามข่าว ได้มีการตรวจสอบในเรื่องของสถานะของบริษัทพบว่า บริษัทนี้มีชื่อ นายพันยศ เป็นผู้ถือหุ้นและมีอีกคนหนึ่ง ที่อาจจะเกี่ยวข้องคือ เหรัญญิกพรรคภราดรภาพ เป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกัน แต่ได้ยกเลิกบริษัทไปแล้ว เสร็จสิ้นการชำระบัญชีไปแล้ว บริษัทนี้ถือว่าไม่มีบริษัทอีกต่อไป
- เผย 2 เดือนไทยส่งออก ‘หน้ากากอนามัย’ พุ่ง 330 ตัน
- ‘แหม่มโพธิ์ดำ’ ร่อนจดหมายถึง ‘ลุงตู่’ ฝากลากคอ ‘แก๊งอมหน้ากาก’ มาลงโทษ
- เร่งจัดสรรหน้ากากอนามัย ให้รพ.เอกชน-คลินิก 1.4 แสนชิ้น/วัน