COLUMNISTS

3 ประเด็นร้อน ‘ซีอีโอไทย’ มองวิกฤติเป็นโอกาสในอีก 3 ปีข้างหน้า

Avatar photo
ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ บริษัท สลิงชอท คอนซัลทิง จำกัด
27

สลิงชอท กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กร และผู้นำระดับสูงของไทย ดำเนินการการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารสูงสุดขององค์กรไทย 20 แห่ง  พบว่า  มี 3 ประเด็นร้อนที่ซีอีโอของไทย มองวิกฤติเป็นโอกาสในอีก 3 ปีข้างหน้า ได้แก่

ปฏิวัติวิธีการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ (Robotic Process Automation)

หมดยุคงานประจำวัน (Routine) เมื่อ 51% ของซีอีโอเชื่อว่า กระบวนการทำงาน (Work Process) เป็นสิ่งที่จะถูก Disrupt มากที่สุด เมื่อ Mega Trends ด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ โดยคาดการณ์ว่า จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น

โดยเฉพาะในการผลิต (Production Line) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) ในทุกส่วนขององค์กร ทั้งด่านหน้า (Front Office) และส่วนสนับสนุน (Back Office) ถือเป็นการปฏิวัติวิธีการทำงาน ลดงานซึ่งต้องทำซ้ำๆ ตามระยะเวลาลง

จริงๆในต่างประเทศเริ่มต้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว เช่น สถานีรถไฟฟ้าที่ไร้พนักงาน หรือโรงงานผลิตที่ใช้คนเพียงคนเดียวในการควบคุม เป็นต้น ซึ่งขณะนี้บริษัทในประเทศไทยกำลังตื่นตัวและหาวิธีการปรับปรุงระบบดังกล่าวเพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันดังที่เราเห็นในข่าวแทบทุกวัน

CEO

นำเสนอรูปแบบสินค้าและบริการจากนวัตกรรม (New Product & Services)

อีก 13% ของซีอีโอเชื่อว่า จะมีสินค้าและบริการใหม่ๆ เกิดขึ้น ผ่านนวัตกรรมทั้งในรูปแบบของสินค้า บริการ หรือกระบวนการ โดยคาดว่า ‘ประสบการณ์’ ในการรับสินค้าและบริการ จะเป็นจุดแตกต่างที่ทำให้เกิดโอกาสทางการแข่งขันในธุรกิจ ทั้งในมุมของลูกค้า (Customer Experience) และพนักงาน (Employee Experience)

นอกจากจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้าและพนักงานต้องว้าว (The Wow Experience) แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยจากงานวิจัยระดับโลกแทบทุกสำนัก รวมถึงงานวิจัยของบริษัท สลิงชอท กรุ๊ป คือ ทักษะแห่งอนาคตของคนทำงานที่หุ่นยนต์ยังไม่สามารถทำแทนได้ อาทิเช่น การมีเชื่อมโยงทางความรู้สึก (Connectedness) การแก้ปัญหาที่ประกอบด้วยความซับซ้อนหลายด้าน (Wicked Problem Self Efficacy) และความคิดสร้างสรรค์แบบองค์รวม (Creative Conception) เป็นต้น

มิติใหม่ของกลยุทธ์และแคมเปญการตลาด (New Era of Marketing Strategy)

ขณะที่อีก 13% ของซีอีโอเชื่อว่า พฤติกรรมลูกค้าจะเปลี่ยนไป เช่น สัดส่วนการซื้อสินค้าและบริการของคนเจนเนอเรชั่นต่างๆ ซึ่งในปีนี้องค์กรเองก็จะมีคน 5 เจเนอเรชั่นเข้ามาทำงานร่วมกัน ดังนั้นคำถามสำคัญคือทำอย่างไรเราจึงจะใช้ประโยชน์จากคนในองค์กรทั้ง 5 เจเนเรชั่นในการสร้างความแตกต่างให้ลูกค้าแต่ละเจเนเรอชั่นได้

นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนผู้ซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ (Online Buyer) ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่จะกระทบต่อกลยุทธ์การตลาดที่ต้องปรับตัวอย่างมากตามไปด้วย

แต่รู้หรือไม่ว่า ซีอีโอทั้งหมดเห็นตรงกันว่า “คน” เป็นสิ่งจะทำให้การเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้ สำคัญกว่าเทคโนโลยีเสียอีก

คราวหน้าจะขอนำผลการสำรวจความคิดเห็นซีอีโอไทยเรื่องคนมาเล่าให้ฟังกันต่อค่ะ โปรดติดตาม…