Economics

กฟผ.แจ้งระบายน้ำเพิ่ม‘เขื่อนวชิราลงกรณ’ยืนยันปลอดภัย

เขื่อนวชิราลงกรณ
เขื่อนวชิราลงกรณ

นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำของเขื่อนวชิราลงกรณว่า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 มีฝนตกหนักในพื้นที่เหนือเขื่อนวชิราลงกรณ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมมากที่สุดในรอบ 34 ปี

โดยข้อมูล ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เขื่อนวชิราลงกรณ มีปริมาณน้ำกักเก็บจำนวน 6,935 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 78% ของความจุ ซึ่งเป็นระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) ประมาณ 2 เมตร แต่ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 1,925 ล้านลบ.ม

จากการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พบว่ายังคงมีแนวโน้มปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำมีมติให้เขื่อนวชิราลงกรณปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมวันละ 23 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. และต่อมาได้ลดเหลือวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. เพื่อลดผลกระทบกับผู้ประกอบการท้ายน้ำ

โดยทยอยพร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากเขื่อนจะต้องรองรับปริมาณน้ำไหลเข้าในช่วงฤดูฝนนี้รวมระยะเวลาอีกกว่า 2 เดือน ซึ่งการระบายน้ำในแต่ละครั้งจะส่งหนังสือแจ้งให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น และประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ทราบล่วงหน้าทุกครั้ง

ณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง กฟผ.
ณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง

ย้ำมาตรฐานเขื่อนทุกแห่งปลอดภัย

นายณัฐวุฒิ  กล่าวต่อว่า เขื่อนของ กฟผ. ทุกแห่งยังคงมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย มีการออกแบบก่อสร้างเขื่อนที่เป็นไปตามหลักวิศวกรรม โดยตลอดอายุการใช้งานกำหนดให้มีการตรวจสอบเป็นประจำ โดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งการตรวจวัดด้วยสายตาและการตรวจวัดด้วยเครื่องมือเป็นประจำ

นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีระบบสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้เพื่อติดตามเขื่อนตลอดเวลา เช่น การตรวจวัดการรั่วซึมของน้ำ แรงดันน้ำภายในตัวเขื่อนและฐานราก การทรุดตัวและการเคลื่อนตัว อีกทั้งยังมีการตรวจสอบเขื่อนอย่างเป็นทางการทุก ๆ 2 ปี จากผู้เชี่ยวชาญพิเศษทุกสาขาอย่างละเอียด เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมเขื่อนในเชิงลึก ทั้งนี้ หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว หรือน้ำท่วม เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ จากคณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง

“ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าเขื่อนของ กฟผ. จะทำหน้าที่เก็บกักน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างปลอดภัย”

กฟผ. ได้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำของเขื่อนวชิราลงกรณอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเขื่อน กฟผ. ทั่วประเทศ ซึ่งการบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนการระบายน้ำของกรมชลประทานและคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ รวมทั้งของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแต่ละจังหวัด

ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดได้ทางเว็บไซต์ WATER.EGAT.CO.TH หรือ WWW.VRK.EGAT.com และแอพพลิเคชั่น EGAT Water สามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำได้ ตลอด 24 ชั่วโมง

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight