ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์เปลี่ยนไป (Demographic Change) จากขนาดครัวเรือนเล็กลง และการก้าวสู่สังคมสูงวัย ทำให้ “ผู้ค้าปลีก”ต้องจับพฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ คัดเลือกแบรนด์ กลุ่มสินค้า เพื่อจำหน่ายบนชั้นวางสินค้า สร้างการแข่งขันชิงแชร์บนพื้นที่ชั้นวางสินค้าเข้มข้น
จากการศึกษา “พลังแบรนด์เอเชีย ผู้กำหนดทิศทางใหม่ตลาด FMCG พร้อมการรับมือการค้าปลีก เมื่อปัจจัยการตลาดเปลี่ยน” ที่จัดทำโดย กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล ผู้นำด้านการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคเชิงลึก ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีอัตราการหมุนเวียนสูง หรือ FMCG (Fast Moving Consumer Goods) พบว่าทั้งช่องทางค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค “แบรนด์ท้องถิ่น” มีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนการเติบโต
ไฮเปอร์ฯนิ่ง-ออนไลน์โต
ฮาเวิร์ด ชาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) กล่าวว่าสถานการณ์อุตสาหกรรมค้าปลีกและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคตลาด“เอเชีย” มีทิศทางที่น่าสนใจ คือ แนวโน้มการเติบโตของตลาดรูปแบบไฮเปอร์ มาร์เก็ต มีอัตราลดลง แม้ว่าร้านสะดวกซื้อยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่การเติบโตในอัตราที่รวดเร็วเช่นที่ผ่านมานั้น เริ่มแผ่วลงเช่นกัน ขณะที่ “ออนไลน์” กลายเป็นช่องทางการตลาดหลัก เช่น ในประเทศเกาหลี
ทางด้านการจับจ่ายสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในเอเชีย ครึ่งปีแรกของปี 2560 เติบโต 2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และเติบโตในอัตราลดลงในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการท้าทายของสภาวะทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของช่องทาง อีคอมเมิร์ช
‘สะดวกซื้อ’ไทยเบอร์1โมเดิร์นเทรด
สำหรับสถานการณ์ เช่นเดียวกับช่องทางค้าปลีกประเทศไทยที่ “ร้านสะดวกซื้อ” มีแนวโน้มขยายตัวทุกปี จากปี 2548 สัดส่วนอยู่ที่ 8.3% ปี 2558 เพิ่มเป็น 16% ปี 2559 ขยับเป็น 16.5% และปี 2560 อยู่ที่ 17% ประเมินว่าหากร้านสะดวกซื้อสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดได้ปีละ 0.5% ถึงปี 2562 จะครองมาร์เก็ตแชร์ 18% ของตลาดค้าปลีก และขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มโมเดิร์นเทรด
ขณะที่ไฮเปอร์ มาร์เก็ต มีแนวโน้ม “ทรงตัว” จากปี 2553 ส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มค้าปลีกอยู่ที่ 20% ปี 2558 ลดลงมาอยู่ที่ 18.1% ปี 2559 ขยับขึ้นมาที่ 18.4% และปี 2560 ทรงตัวที่ 18.4%
ส่วนช่องทาง “อีคอมเมิร์ซ” ยังมีทิศทางเติบโตเป็นตัวเลข 3 หลัก ต่อเนื่อง แต่ยังคงส่วนแบ่งการตลาดไม่มาก คือในปี 2558 อยู่ที่ 0.3% ปี 2559 เพิ่มเป็น 0.6% และปี 2560 อยู่ที่ 1.2% หรือมีมูลค่า 5,144 ล้าน บาท จากตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคทุกช่องทางมูลค่า 4.4 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา
ร้านสะดวกซื้อก้าวสู่คอมมูนิตี้ฮับ
ปัจจุบันทิศทางค้าปลีกมุ่งตอบสนองความสะดวกสบายให้ผู้บริโภค ฮาเวิร์ด มองว่าทิศทาง “ร้านสะดวกซื้อ” ได้พัฒนาให้เป็น “คอนเนคชั่น พอยท์” (Point of Connection) เป็นประตูเปิดสู่บริการอย่างกว้างขวาง และเมื่อก้าวเข้าสู่ความนิยมในการจับจ่ายผ่านดิจิทัลแล้ว ร้านสะดวกซื้อแนวคิด คอมมูนิตี้ ฮับ (Community Hub) จะกลายเป็น ศูนย์กลางการส่งมอบสินค้า
ด้วยการนำเสนอเซอร์วิสทุกรูปแบบที่ตอบโจทย์ชุมชน และอำนวยความสะดวกสบาย อาทิ การเพิ่มให้มีบริการตัดแต่งผม และบริการซักแห้ง จัดสถานที่ให้เป็นจุดนัดพบ เป็นจุดรับสินค้าสำหรับใบสั่งซื้อออนไลน์ และยังสามารถจัดให้มีบริการขายตั๋วเดินทาง เป็น จุดให้บริการสินเชื่อและบริการชำระเงินค่าใช้จ่าย ต่างๆ
โดยการจัดการส่วนผสมทั้งด้านความสะดวกและชุมชนให้ลงตัวนี้ จะต้องคำนึงถึงปัจจัย การลดช่องว่างระหว่างการค้าปลีกรูปแบบโมเดิร์นเทรด และการค้าปลีกรูปแบบดั้งเดิม และต้องทำการเชื่อมโยงให้เกิดการเอื้อซึ่งกันและกัน ร้านค้าย่อยเป็นตัวส่งผลต่อการเติบโตของสัดส่วนทางการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค
“ร้านสะดวกซื้อ จะมีการปรับโฉมสู้การเป็น คอมมูนิตี้ ฮับ และการตั้งราคาให้ต่ำลง จะส่งผลต่อการแข่งขันในการยึดครองพื้นที่ชั้นวางสินค้า”
แบรนด์ ‘ท้องถิ่น’ค้าปลีก-อุปโภคบริโภค เอเชียโต
เป็นที่น่าสังเกตว่า สัดส่วนการค้าปลีกระหว่างแบรนด์อินเตอร์ และแบรนด์ท้องถิ่น (Local & Regional) ในตลาดเอเชีย “แบรนด์ท้องถิ่น” เริ่มมีแนวโน้มสดใส
สำหรับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคท้องถิ่น มีความสามารถในการสร้างแบรนด์ให้มีคุณค่าและความต่างที่เหนือกว่า และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด ทั้งด้านการเลือกซื้อด้วยอารมณ์ หรือความต้องการใช้งาน ผ่านโมเดลธุรกิจที่สามารถนำเสนอกลยุทธ์ด้านราคาที่จับต้องได้ อีกทั้งสามารถนำเสนอนวัตกรรมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
การเติบโตของสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นของเอเชีย เติบโตไปในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของ การค้าปลีกที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่น เช่นกัน
โดยสัดส่วนแบรนด์อุปโภคบริโภค “ท้องถิ่น” ครองตลาดเอเชีย เกาหลี 79% เวียดนาม 78% จีน 76% ไต้หวัน 70% อินโดนีเซีย 64% และไทย 75%
ตลาดอุปโภคบริโภคเจอศึกหนักกำลังซื้อส่อร่วงยาวปี62