กระทรวงพาณิชย์ กำหนดราคาขายสูงสุด “หน้ากากอนามัย” ชิ้นละ 2.50 บาท ขายเกินราคานี้ เจอคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท อนุญาตสินค้านำเข้าบวกค่าบริหารจัดการโดยรวมไม่เกิน 60% จากต้นทุน วางแผนกระจายสินค้า 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ให้สาธารณสุขจัดสรรให้โรงพยาบาลทุกสังกัด 700,000 ชิ้น อีก 500,000 ชิ้น กระจายผ่านรถโมบาย 111 คันทั่วประเทศ ร้านสะดวกซื้อและร้านธงฟ้า พร้อมคุมเข้ม “เจลล้างมือ” ห้ามปรับราคาก่อนได้รับอนุญาต
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยราคาแพง และการกระจายหน้ากากอนามัย ว่า ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ (กกร.) กำหนดราคาจำหน่ายสูงสุดหน้ากากอนามัยแบบสีเขียวในราคาไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท สำหรับหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ในประเทศ
แต่ทั้งนี้ ยกเว้นให้สำหรับหน้ากากอนามัยที่เป็นสต็อกเก่า และจำหน่ายจากโรงงานไปยังผู้จำหน่ายต่างๆ ก่อนหน้านี้ โดยให้เวลาเคลียร์สต็อกให้หมดภายใน 3 วัน และตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มีนาคมเป็นต้นไป จะต้องจำหน่ายในราคาชิ้นละ 2.50 บาททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน หากขายเกินราคาสูงสุดที่กำหนด จะมีโทษตามกฎหมาย คือ จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนหน้ากากอนามัยนำเข้า ได้กำหนดให้ผู้นำเข้าต้องแสดงต้นทุนนำเข้ากับกรมการค้าภายใน และสามารถบวกค่าบริหารจัดการ เช่น ต้นทุนค่าบริหาร การขนส่ง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าบริหารงานบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และค่าตอบแทน รวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 60% จากต้นทุนนำเข้า เช่น สินค้านำเข้าราคา 100 บาทบวกได้เป็น 160 บาท หรือราคา 1 บาท บวกได้เป็น 1.60 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้ การกำหนดราคาจำหน่ายสูงสุด ไม่รวมหน้ากากอนามัยแบบผ้า ที่เป็นหน้ากากทางเลือก ที่รัฐบาลกำลังส่งเสริม และผลักดันให้มีการผลิตอยู่
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับแผนการกระจายหน้ากากอนามัย ได้มีการสรุปตัวเลขการผลิตที่ชัดเจนอีกครั้ง พบว่า โรงงานที่มีอยู่ 11 โรงงาน มีกำลังการผลิตรวมกันวันละ 1.2 ล้านชิ้น ลดลงจากเดิม 1.35 ล้านชิ้น เพราะมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ หรือจะมียอดรวมเดือนละ 36 ล้านชิ้น
โดยจะมีการกระจายโดยศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย โดย 700,000 ชิ้น มอบให้กระทรวงสาธารณสุขนำไปกระจายให้กับโรงพยาบาล สถานพยาบาลทุกสังกัด ทั้งรัฐและเอกชน ส่วนอีก 500,000 ชิ้น กรมการค้าภายในจะเป็นผู้ระบายให้กับประชากร 60 ล้านคน ผ่านช่องทางที่มีอยู่เดิม และรถโมบายที่เพิ่มเข้ามาใหม่
การกระจายผ่านรถโมบาย จะมีจำนวน 111 คัน แยกเป็นกรุงเทพฯ 21 คัน และต่างจังหวัด 90 คัน มีหน้ากากประมาณ 3 แสนชิ้นต่อวันไปขาย โดยรถที่วิ่งในกรุงเทพฯ จะขาย 5,000-10,000 ชิ้นต่อวัน และในต่างจังหวัด 3,000-5,300 ชิ้นต่อวัน และอีก 200,000 ชิ้น จะกระจายผ่านช่องทางเดิม คือ ร้านขายยา ส่งให้กับการบินไทย ร้านสะดวกซื้อ และร้านธงฟ้า ซึ่งการกระจาย ศูนย์ฯ จะมีการประชุมกันทุกวัน เพื่อติดตามดูว่าตรงไหนขาด ตรงไหนเพียงพอ ก็จะปรับเปลี่ยน หรือเกลี่ยการระบายไปยังส่วนที่ขาดแคลนต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้มีการกำหนดให้เจลล้างมือ เป็นสินค้าที่จะต้องขออนุญาตก่อนปรับขึ้นราคา เพื่อแก้ไขปัญหาราคาแพง โดยหากขอมาแล้ว ไม่ได้รับการอนุมัติ ก็ไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้
พฤติกรรมเข้าข่ายกักตุน
- การเก็บสินค้าไว้ในสถานที่ไม่ตรงตามที่ได้แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่
- ไม่นำหน้ากากที่มีเพื่อจำหน่ายออกจำหน่ายตามปกติ
- ปฏิเสธการจำหน่าย
- ประวิงการจำหน่าย
- การส่งมอบโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
มีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนการการออกประกาศกำหนดให้ผู้ใดผู้หนึ่งที่มีหน้ากากอนามัยในครอบครองเกินกว่าปริมาณที่กำหนด จะต้องแจ้งปริมาณการครอบครองต่อกรมการค้าภายใน เพื่อป้องกันการกักตุน ยังไม่ได้มีการกำหนดเป็นมาตรการออกมา เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อผู้ที่เก็บหน้ากากอนามัยที่บริสุทธิ์ โดยเฉพาะการครอบครองเพื่อใช้งาน เช่น โรงพยาบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
หากมีการเปลี่ยนแปลง หรือเห็นว่ามีปัญหา ก็จะมีการออกคำสั่ง กกร. เพื่อบังคับใช้ต่อไป
- รอหน่อย! ‘สมคิด’ผนึก’สุริยะ’สั่งผลิตหน้ากากผ้า 30 ล้านชิ้น แจก 10 ล้านคนในเมืองใหญ่
- ‘คลัง’ ปัดหว่านเงินแสนล้านสู้โควิด ย้ำต้องประคองไม่ให้วิกฤติ!
- รพ.วชิรพยาบาล บริหารจัดการ ‘หน้ากากอนามัย’ ให้บุคลากรช่วงขาดแคลน
