ไอเอ็มเอฟ ประกาศจัดสรรเงินช่วยเหลือจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยสนับสนุนประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก “ไวรัสโควิด-19”
นางคริสตาลินา จอร์เจียว่า ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า เงินช่วยเหลือดังกล่าว สามารถนำออกมาใช้ได้ทันที โดยจะมุ่งเน้นการปล่อยกู้ให้กับประเทศที่มีรายได้น้อย และตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเงินกู้ส่วนใหญ่ จะเป็นแบบปลอดดอกเบี้ย และประเทศที่ต้องการขอกู้เงิน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นประเทศที่มีโครงการกับไอเอ็มเอฟมาก่อนแต่อย่างใด
“สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้ คือการตรวจสอบความต้องการเงินของแต่ละประเทศ และเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อให้มั่นใจว่า ประเทศเหล่านี้รู้เรื่องเงินกู้ดังกล่าว และเราสามารถจัดการให้ได้ในทันที”
ปัจจุบัน ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 90,000 คน ซึ่งการระบาดที่เกิดขึ้น ยังทำให้เกิดการควบคุมการเดินทางอย่างเข้มงวด ในประเทศที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของโลก อย่างจีน และอิตาลี
นางจอร์เจียวา บอกด้วยว่า สิ่งแรกที่ไอเอ็มเอฟอยากเห็นจากการปล่อยกู้เงินในครั้งนี้ คือ การนำเงินไปใช้เพื่อพัฒนาระบบดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม จากนั้น ก็เป็นเรื่องของการดำเนินมาตรการทางการคลัง และช่วยเพิ่มสภาพคล่อง
นอกจากการปล่อยกู้ข้างต้นแล้ว ไอเอ็มเอฟ ยังทำงานร่วมกับธนาคารโลก เพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ ได้อุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น อย่าง หน้ากากอนามัย และอุปกรณ์สำหรับทางเดินหายใจ ที่ใช้ต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของไอเอ็มเอฟ ยังเกิดขึ้นหลังเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (2 มี.ค.) ธนาคารโลกประกาศโครงการมูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์ ช่วยเหลือประเทศยากจนรับมือกับปัญหาด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสนี้
ผู้นำไอเอ็มเอฟ กล่าวด้วยว่า ทุกประเทศ และดินแดนทั่วโลก ควรพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจ ที่กำลังชะลอตัวลง อาทิ การให้สินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และจัดหาความช่วยเหลือให้กับแรงงาน ที่ต้องอยู่กับบ้าน
ท่าทีของไอเอ็มเอฟ ยังเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลก ดำเนินความร่วมมือออกมาตรการหนุนเศรษฐกิจโลก รวมถึง การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประกาศอย่างกระทันหัน ลดดอกเบี้ยลงมา 0.50% ตามด้วยธนาคารกลางแคนาดา ที่เคลื่อนไหวในแบบเดียวกัน
