เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งเดือนมกราคมว่าหนักแล้ว กลายเป็นว่าเป็นเดือนกุมภาพันธ์หนักกว่า เพราะมีเรื่องใหญ่ๆ ให้ตื่นเต้นกันแทบไม่ได้หยุด กดดันนักลงทุนให้ซึมตามๆ กันไปทั่วโลก และทั้งหมดนี้คือบทสรุป 10 ไฮไลท์ของเดือนที่ผ่านมา และเรื่องที่น่าจับตามองของการลงทุนในเดือนมีนาคม 2563
1. สรุปผลตอบแทนก.พ. 2563 ติดลบ 11.46%
ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ปิดที่ 1,340.52 จุด ลดลง 11.46% หรือ -173.62 จุดจากเดือนมกราคม ซึ่งแรงกดดันสำคัญมาจากข่าวการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ที่ทวีความรุนแรง และสร้างความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
2.ตลาดหุ้นเหวี่ยงจนน่ากลัว
เป็นเดือนที่หุ้นไทยเหวี่ยงอย่างกับรถไฟเหาะ โดยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,542 จุด และลงมาสู่จุดต่ำสุดที่ 1,355 จุด ถือเป็นกรอบการเหวี่ยงตัวที่สูงถึง 187 จุดเลยทีเดียว โดยเดือนนี้หุ้นไทยทำสถิติจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี
3. COVID-19 ทำมูลค่าตลาดวูบ 2 ล้านล้าน
สัปดาห์สุดท้ายของเดือนนับว่าเป็นช่วงนรกของหุ้นไทยก็ว่าได้ เพราะตลาดร่วงระนาวไม่เว้นวัน จากกระแสของพิษ COVID-19 บวกกับประเด็นการเมืองที่ร้อนแรง โดยทำให้มูลค่าหุ้นไทยหายไปกว่า 2 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา
4. หุ้นท่องเที่ยวโดนหนักสุด
ธุรกิจสายการบิน โรงแรม โดนผลกระทบจากไวรัสกันเต็มๆ จากตัวเลขนักท้องเที่ยวจีนที่ลดฮวบ ทำให้ราคาหุ้นดิ่งกันถ้วนหน้า อาทิ
ธุรกิจสนามบิน-สายการบิน
NOK : บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ลดลง 64.29%
BA : บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ลดลง 61.49%
THAI : บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ลดลง 30.97%
AAV : บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) ลดลง 29.51%
AOT : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ลดลง 14.95%
ธุรกิจโรงแรม
ERW : บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ลดลง 50.96%
MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ลดลง 29.49%
CENTEL : บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ลดลง 15.09%
5. หุ้นราคาขึ้นลงสูงสุด
เมื่อลองสำรวจ 5 อันดับหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ราคาปรับขึ้นสูงสุด ได้แก่ KCE +24%, KTC +19.7%, PTG +5.7%, SPALI +3% และ HANA +2.8%
ส่วน 5 อันดับหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ราคาปรับลดลงสูงสุด ได้แก่ THAI -30.97%, BANPU -26.2%, EPG +25.6%, BGRIM -22.5% และ BPP -20.2%
6. ยุบอนาคตใหม่
อีกปัจจัยที่คอยกดดันตลาดในเดือนที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้นการเมืองที่ยังคงร้อนแรง หลังมีคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งหลังคำตัดสินตลาดก็ปรับลดลงถึง 12.60 จุด แต่สามารถฟื้นกลับมาเป็นบวกได้ 3.85 จุด
อย่างไรก็ดี เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นอ่อนไหว และควรจับตามองอย่างยิ่ง เพราะมีโอกาสเกิดแรงกระเพื่อมจากกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย จนอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และเศรษฐกิจในระยะยาวได้
7. BDMS จะซื้อ BH
เป็นอีกข่าวใหญ่ประจำเดือนเมื่อ BDMS ประกาศว่าจะซื้อหุ้น BH ทั้งหมดในราคา 125 บาท คิดเป็นมูลค่าราว 85,000 – 102,000 ล้านบาท
แต่วันถัดมา BH ออกมาโต้ว่ายังไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน ซึ่งทั้งสองเป็นโรงพยาบาลเป็นคู่แข่งกัน และไม่เห็นด้วยถ้า BDMS จะเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัท โดย BH จะนำเรื่องเข้าไปปรึกษาคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า และตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมาพิจารณาอีกที ซึ่งคงต้องติดตามต่อไปว่าบทสรุปเรื่องนี้จะออกมาแบบไหน
8. ทองคำกลับมาคึกคัก
ด้วยความไม่แน่นอนหลายๆ อย่าง ทำให้ “ทองคำ” ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลบภัย กลับมาพุ่งแรงอีกครั้ง โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปี ไปแตะระดับ 1,689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เช่นกันกับราคาทองคำในประเทศไทยที่ทะลุ 25,000 บาทไปแล้ว สะท้อนความกังวลของตลาดได้เป็นอย่างดี
9. จับตางบกลุ่มหุ้นปันผล
ช่วงที่ผ่านมาหลายบริษัทเริ่มทยอยประกาศงบจนเกือบครบแล้ว ซึ่งก็มีแย่บ้าง ดีบ้าง อย่างไรก็ตาม ต้องจับตามองผลประกาศของบริษัทที่เหลือให้ดี โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นปันผลที่กำลังมีแรงดึงดูดต่อนักลงทุนอย่างมากในช่วงนี้
10. สติ คือ สิ่งสำคัญ
ต้องบอกว่าเป็นเดือนที่หนีจากความผันผวนไม่ได้จริงๆ และก็มีโอกาสที่จะทวีความรุนแรงเรื่อยๆ ดังนั้น สติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ อย่ารีบซื้อ หรือขาย เพียงเพราะตกใจ แต่ควรวางแผนอย่างรอบคอบ ยึดมั่นในเป้าหมายและหลักการ ก็จะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างแน่นอน