แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ออกนโยบายเว้นค่าธรรมเนียม ยกเลิก-เลื่อนพักโรงแรมในเครือ พร้อมลดค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกช่วยร้านค้า ประกาศแผนปี 63 ชู 5 กลยุทธสร้างความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเ้ผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น มีความห่วงใย และได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งออกมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลความปลอดภัย เรื่องสุขอนามัยภายในโครงการ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรโรงแรมชั้นนำต่าง ๆ ในการออกนโยบายยกเว้นค่าธรรมเนียมในการยกเลิกเข้าพักในโรงแรมและการยกเลิกหรือเลื่อนการจัดประชุม โดยพิจารณาความเหมาะสมในช่วงเวลาที่เดินทางและประเทศต้นทาง
ส่วนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า บริษัทจะมอบส่วนลดค่าเช่าตามสถานการณ์ผลกระทบด้านจำนวนลูกค้าและเศรษฐกิจของแต่ละโครงการเดือนต่อเดือน และพิจารณามอบความช่วยเหลือเพิ่มตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะร่วมยืนหยัดรับมือทุกปัญหาเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกันอย่างดีที่สุด
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2563 นี้ บริษัทได้กำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ การสร้างตอบแทนต่อส่วนทุนที่คุ้มค่า การสร้างความแข็งแกร่งและเติบโต อย่างต่อเนื่องยั่งยืน โดยดำเนินงานผ่านกลยุทธ์หลัก 5 ข้อ ของ AWC สำหรับปี 2563 คือ
- เติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง
วางแผนจัดสรรเงินทุนมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาทั้งโครงการโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์มากกว่า 12 โครงการ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนห้องพักในโรงแรมเป็น 8,506 ห้อง และเพิ่มพื้นที่เช่าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าเป็น 415,481 ตร.ม. ภายในปี 2024
- มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง
บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน อันได้แก่ ลูกค้าและนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ระดับกลาง ถึงสูง และนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่มีอัตราการเติบโตและอัตราส่วนกำไรต่อรายได้สูง
- สร้างความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรระดับโลก
ทั้งนี้ เพื่อสร้างและขยายเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในสายงานต่างๆ ในการแบ่งปันความชำนาญและมาตรฐานการดำเนินงานให้อยู่ในระดับสากล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จากระบบจัดจำหน่ายทั่วโลก โปรแกรมสมาชิก กว่า 300 ล้านสมาชิกของผู้บริหารโรงแรม และเพิ่มตัวเลือกแบรนด์ที่หลากหลายให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น
- เป็นผู้นำตลาด สร้างประสบการณ์ใหม่ให้วงการ
ด้วยการสร้างสรรค์โครงการขนาดใหญ่และมีจุดดึงดูดเพื่อสร้างขีดการแข่งขันและเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กับประเทศ โดยโครงการของบริษัทมีจุดเด่นที่เป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการหรือจุดหมาย การท่องเที่ยวนั้น ๆ อาทิ การส่งเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับอุตสากรรมไมซ์ให้กับประเทศไทย การดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่ง และการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้จุดหมายปลายทางที่โครงการของ AWC เปิดดำเนินการ
- พัฒนาและดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อคุณค่าองค์รวม การสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการจัดทำแผนงานเพื่อความยั่งยืนในมิติต่างๆ
นางวัลลภา กล่าวว่า กลยุทธ์หลัก 5 ข้อ ถูกสนับสนุนด้วยโครงสร้างพื้นฐานและโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง ของ AWC ได้แก่ ความชำนาญในด้านการลงทุนและพัฒนาโครงการ ศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์เพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนเต็มศักยภาพของการลงทุน ทั้งยังมีการลงทุนที่หลากหลายและสมดุลเพื่อบริหารความเสี่ยง จากการผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของตลาดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อเป้าหมายการเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก้าวหน้าและเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ลงนามในหนังสือตอบรับ (Engagement Letter) เพื่อรับจัดสรรสินเชื่อสีเขียวสำหรับโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Loan) พร้อมลงนามในความร่วมมือว่าด้วยการรับรองมาตรฐานความเป็นเลิศในการออกแบบอาคารเพื่อประสิทธิภาพสำหรับตลาดเกิดใหม่จากบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศของกลุ่มธนาคารโลก รวมทั้งหารือเพื่อการจัดหาเงินทุนสีเขียว (Green Financing) สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จะเป็นกลุ่มอสังริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวดังกล่าว ด้วยความพร้อมที่จะพัฒนาโครงการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้วยการประหยัดพลังงานไฟฟ้า และน้ำในอาคารได้อย่างน้อย 20% ขึ้นไป เมื่อเทียบกับโครงการทั่วไป และแผนพัฒนาและดำเนินงานอื่นๆ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน”นางวัลลภากล่าว
ด้านผลประกอบการประจำปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,040 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 109% และในไตรมาส 4/2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 482 ล้านบาท เติบโต 140% จากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อน