วันนี้ (27 ก.พ.) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า “เทสโก้” ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสัญชาติอังกฤษ ได้ขอให้ผู้สนใจเข้าซื้อธุรกิจของบริษัทในเอเชีย ยื่นเสนอราคาภายในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ในการทำข้อตกลงที่อาจเห็นมหาเศรษฐีไทย แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงสินทรัพย์ที่อาจมีมูลค่าสูงสุดถึง 9,000 ล้านดอลลาร์
รายงานข่าวระบุว่า การเสนอซื้อราคากิจการของเทสโก้ ในไทย และมาเลเซียนั้น อาจจะทำให้เกิดการแข่งขันกันระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ กลุ่มเซ็นทรัล ของตระกูลจิราธิวัฒน์ และกลุ่มทีซีซี ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี โดยหลังจากได้รับข้อเสนอแล้ว เทสโกจะดำเนินการพิจารณา และกำหนดที่จะตัดสินใจเดือนหน้า
ธุรกิจของเทสโก้ในเอเชีย ประกอบด้วยซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อราว 2,000 สาขาในไทย ตลาดที่เทสโก้เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุด และซูเปอร์มาร์เก็ตอีก 74 สาขาในมาเลเซีย
“เมื่อพิจารณาจากขนาดของข้อตกลง มูลค่าทางการเงิน และธนาคารรายใหญ่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว การซื้อกิจการนี้เป็นกระบวนการที่มีการแข่งขันกันอย่างมาก จากผู้ที่สนใจอย่างจริงจัง” แหล่งข่าวจากธนาคารรายหนึ่งระบุ
อย่างไรก็ดี ความกังวลด้านการผูกขาดตลาด อาจทำให้เกิดปัญหาสำหรับผู้สนใจซื้อกิจการบางราย หลังเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ด้านการต่อต้านผูกขาดตลาดในไทย ระบุว่า การซื้อกิจการดังกล่าว จะต้องไม่ละเมิดกฎหมายผูกขาดตลาด
การเคลื่อนไหวนี้ เกิดขึ้นหลังเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เทสโก้ออกมาบอกว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงการทำธุรกิจในเอเชีย ที่อยู่ในไทย และมาเลเซียเป็นหลัก ซึ่งในช่วง 6 เดือน นับถึงวันที่ 24 สิงหาคมปีที่แล้ว ธุรกิจของเทสโก้ในไทย และมาเลเซีย มียอดขายรวมกันแล้วอยู่ที่ 3,300 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากการดำเนินงานที่ราว 221 ล้านดอลลาร์
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า แม้บรรดามหาเศรษฐีไทยจะมีมุมมองในระยะยาวต่อธุรกิจเทสโก้ในไทย แต่การยื่นข้อเสนอซื้อกิจการของพวกเขา ก็มีแนวโน้มที่จะนำผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะจำกัดการเติบโตในระยะใกล้ เข้ามารวมเป็นปัจจัยในการพิจารณาเสนอราคาซื้อกิจการด้วย
กระนั้นก็ตาม แหล่งข่าวชี้ว่า ธุรกิจของเทสโก้เป็นการนำเสนอโอกาสที่จะให้ผู้ซือกิจการ เพิ่มขนาดกิจการของตัวเองอย่างมีนัยสำคัญ
“คุณจะหาสินทรัพย์ขนาดนี้ในไทยได้บ่อยครั้งแค่ไหนกันเชียว แถมราคาก็ถูกมากด้วย” แหล่งข่าวตั้งคำถาม
สำหรับกลุ่มเซ็นทรัลแล้ว กิจการเทสโก้จะช่วยเพิ่มขนาดของธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อในเครือให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมาก
ขณะที่ในส่วนของซีพีนั้น จะเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถซื้อคืนเชนซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ขายไปให้กับเทสโก้ ในช่วงเกิดวิกฤติการเงินเอเชียระหว่างปี 2540-2541 กลับคืนมา โดยในปัจจุบันซีพีเป็นเจ้าของกิจการ “สยามแมคโคร” ธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิก แบบชำระเงินสด และบริการตนเอง ภายใต้ชื่อ”แม็คโคร” ที่มีสาขาอยู่ราว 130 แห่ง และเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีอยู่ 10,000 สาขา ภายใต้การดูแลของซีพี ออลล์ ธุรกิจในเครือ
ขณะที่กลุ่มทีซีซี ของเจ้าสัวเจริญนั้น เป็นเจ้าของ “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” ไฮเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของไทยอยู่แล้ว ผ่านทาง เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ธุรกิจผลิต และจัดนำหน่ายสินค้า และบริการครบวงจร ในเครือ
การกำหนดเส้นตายข้างต้น ยังเกิดขึ้นหลังจากที่เทสโก้เพิ่งเสร็จสิ้นการถอนตัวออกจากตลาดจีนในสัปดาห์นี้ ผ่านการขายหุ้นในกิจการร่วมทุนท้องถิ่น กับไชน่า รีซอร์สเซส โฮลดิ้งส์ มูลค่าราว 355 ล้านดอลลาร์
อย่างไรดี ทั้งเทสโก้ และทั้ง 3 บริษัทของไทย ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานข่าวนี้
- ‘ไซม์ ดาร์บี้’ เล็งขายหุ้น ‘เทสโก้ มาเลเซีย’
- ออกตัวแล้ว ‘บีเจซี’ เครือเจ้าสัวเจริญ ลั่นพร้อมชิงดำ ‘เทสโก้โลตัส’
- ‘กฎระเบียบแข่งขันไทย’ อุปสรรคใหญ่ ‘เทสโก้’ ขายกิจการเอเชียได้ราคาไม่ถึงเป้า
- เจาะลึกขุมพลัง ‘ซีพี-เซ็นทรัล-ทีซีซี’ ทาบซื้อ ‘เทสโก้โลตัส’
- ‘ซีพี-เซ็นทรัล-ทีซีซี’ สนใจซื้อกิจการ ‘เทสโก้’ มูลค่ากว่า 2 แสนล้าน