General

ผลตรวจ 101 คน สัมผัสปู่-ย่า-หลาน 97 คน ไม่พบเชื้อ รอลุ้น 4 คน

สธ.เผยผลตรวจ 101 คนสัมผัสปู่-ย่า-หลาน 97 คนไม่พบเชื้อ รอลุ้น 4 คน ระบุติดเชื้อในวงจำกัด ย้ำธรรมชาติไวรัส COVID-19 ติดต่อโดยละอองฝอย รัศมี 1 เมตร และอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยอย่างน้อย 5 นาทีขึ้นไป  

829623

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของผู้ป่วยไวรัส COVID-19 ที่เป็นปู่ย่าและหลาน 3 ราย ที่กลับจากญี่ปุ่น โดยทั้ง 3 คน อาการดี ส่วนผู้สัมผัสในครอบครัวเดียวกัน และครอบครัวอื่นที่ไมได้เดินทาง นักเรียนในชั้นเรียน เราได้ติดตามได้ครบแล้วรวม 101 คน ผลตรวจ 97 คน ผลเป็นลบ คือ ไม่มีใครพบเชื้อ อีก 4 คนเพิ่งเก็บตัวอย่าง อยู่ระหว่างรอผล ถือเป็นการติดเชื้อในวงจำกัด ลำดับ 2

ทั้งนี้ขออธิบาย กระบวนการตรวจคัดกรอง ซึ่งจะมี 3 คำสำคัญตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 คือ

  • แยกกัก (Isolation) คือ การนำผู้ป่วยเข้าสู่การรักษา และแยกห้อง
  • กักกัน (Quarantine)ใช้สำหรับคนไม่ป่วย ความหมายทางการแพทย์ คือ ไม่ป่วย แต่มีโอกาสไดัรับเชื้อ เช่น มีคนป่วยในบ้าน 1 คน อาจกักที่บ้านก็ได้ ซึ่งไม่น่ากลัว ส่วนใหญ่คนถูกกักกน ครบ 14 วัน ก็เป็นคนไม่ป่วย เพราะ 2% เศษ ที่จะสัมผัส และเสี่ยงสูง และพบเชื้อ ส่วนอีก 98% ไม่ป่วย แต่ต้องทำเพื่อความปลอดภัย ให้อยู่ในการสังเกตใกล้ชิด และปลอดภัยต่อคนอื่นด้วย
  • คุมไว้สังเกตอาการ (Obsevation) เป็นผู้สัมผัส แต่ไม่ใกล้ชิด เช่น นั่งเครื่องบินเดียวกับผู้ป่วย แต่นั่งอยู่ห่าง หรือไกลออกไป ก็ให้สังเกตอาการอยู่ที่บ้าน ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ต้องวัดไข้ทุกวัน ดูว่าไอ น้ำมูก จามหรือไม่ หากเกิดอาการ ให้มาพบแพทย์ ถือว่าเสี่ยงน้อยกว่าคนสัมผัสใกล้ เช่น เป็นบุคคลในครอบครัว หรือ คนที่นั่งเครื่องบินเดียวกัน 2 แถวหน้า 2 แถวหลัง

ทั้งนี้ขอยืนยันว่า โดยธรรมชาติของโรคนี้ จะติดต่อโดยละอองฝอย รัศมี 1 เมตร และอยู่ใกล้ชิดอย่างน้อย 5 นาทีขึ้นไป เกณฑ์นี้ คนในครอบครัว 5 คนของปู่ยา จึงไม่ได้รับเชื้อทุกคน มีแค่หลาน 1 คนเท่านั้น ส่วนภรรยาก็ไปติดมาด้วยกันจากญี่ปุ่น อีก 4 คนที่เหลือปลอดภัย หากประชาชนอยู่ไกลออกไปจากนั้นอีก เช่น อยู่ข้างบ้าน หรือหน้าบ้าน ไม่ติดอยู่แล้ว ก็ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ เพื่อความปลอดภัย

สำหรับกรณีที่บางบริษัท ให้พนักงานกลับจากต่างประเทศ พบแพทย์ เพื่อตรวจห้องปฏิบัติการ ยืนยันไม่จำเป็น ขอให้สังเกตอาการที่บ้านก่อน แต่ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัย และใช้ช้อนกลาง แยกสำรับ หากมีอาการจึงไปโรงพยาบาล หากมาพบแพทย์ในลักษณะไม่เสี่ยงอะไร แม้มาจากพื้นที่ระบาด แต่ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย ตรวจก็จะไม่พบอะไร แต่หากมีอาการ ค่อยไปโรงพยาบาล แพทย์ตรวจ และส่งเชื้อตรวจห้องปฏิบัติการ จึงจะมีโอกาสพบ อย่างไรก็ตามผลตรวจส่วนใหญก็ไม่มีเชื้อโรค แต่เป็นไข้หวัดใหญ่

กรณีจะตรวจห้องปฏิบัตการเร็ว คือ อยู่ในพื้นที่ใกล้ผู้ป่วยยืนยัน เช่น สมาชิกครอบครัว จากนั้นก็จะติดตาม 14 วัน หากมีอาการจะตรวจซ้ำ เพราะเชื้อโรคไม่ได้เกิดทันที

“ไม่อยากให้บริษัท ให้พนักงานไปโรงพยาบาล เพื่อไปตรวจหาเชื้อ เพราะไม่คุ้ม อาจสรุปไม่ได้ว่าไม่เป็น เพราะไม่มีอาการก็จะตรวจไม่พบ และยังเป็นการเพิ่มภาระให้โรงพยาบาล ที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และคนไม่ป่วย แต่ไปโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น กลับออกมาอาจได้รับเชื้อได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุด คือสังเกตอาการ จนครบ 14 วัน หากป่วย จึงค่อยไปโรงพยาบาล”

DSC 7713
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในเชิงจิตวิทยา เพราะมีการตื่นตระหนกในวงกว้าง หลังจากเกิดกรณี “ปู่ย่า” ว่า กรณีไวรัส COVID-19 จะเหมือนกับกรณีหลายโรค ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ เช่น HIV สังคมจะมีอาการตกใจ เกิดการแบ่งแยกกีดกัน ทำให้คนป่วยไม่มีที่ยืนในสังคม และมีผลกระทบต่อจิตใจ เมื่อร่างกายไม่ดี ใจก็ไม่ดีไปด้วย

กรณีปู่ย่า เมื่อเขาเปิดผยข้อมูลทุกอย่าง อย่างที่เราต้องการแล้ว และรับการรักษาแล้ว เราเป็นคนไทยด้วยกันก็ดูแลกัน แม้ไมใช่คนไทยมารักษาที่ไทย เช่น คนจีนเราก็ดูแลกันอย่างดี จนได้รับคำชม ขอให้คิดว่า “อะไรเกิดแล้วล้วนดีเสมอ” ดังนั้นขอให้เราติดตาม และให้กำลังใจกัน

กรณีมีข่าวว่า มีผู้ได้รับเชื้อหนี แต่ตามตัวได้แล้วนั้น หากเป็นจริง ต้องฝากสื่อมวลชน แจ้งข่าวไปยังประชาชนว่า การเจ็บป่วยด้วยโรคนี้ไม่ได้น่ากลัว หรือเป็นที่รังเกียจ  เพราะโรคนี้ แม้มีผู้ป่วยจำนวนมาก แต่อัตราการตาย 3% เท่านั้น และการติดต่อแพร่เชื้อระหว่างกัน หากรู้เร็ว ก็ไม่ใช่ 100% จะมีการติดต่อกัน

“ยืนยันว่า รู้เร็วรักษาเร็ว ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีประโยชน์ที่จะหนี แม้เจ้าหน้าที่ที่มาดูแล จะสวมชุดเหมือนมนุษย์อวกาศ ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะเป็นความปลอดภัยให้คนไทยทุกคน ส่วนปรากฎการณ์ข่าวลือ และข่าวเท็จต่างๆ หรือ เฟคนิวส์ มีมานาน แต่ปัจจุบันความถี่สูง จากโซเชียลมีเดีย ทุกคนทวิตได้ไม่จำกัด ไม่มีใครควบคุมได้ และไวรัล ดังนั้นต้องย้อน กลับมาหาแหล่งที่มีน่าเชื่อถือ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ เป็นเหตุผลให้กระทรวงสาธาณสุข ต้องออกแถลงการณ์ทุกวัน สู้กับเฟคนิวส์ ต้องเปลี่ยนจากข่าวลือเป็นความรู้ “

 

Avatar photo