General

มีผู้ป่วยคนไทยเพิ่ม 2 ราย แม่บ้าน-คนขับรถ

สาธารณสุข เผยมีผู้ป่วยคนไทยเพิ่ม 2 ราย อยู่ระหว่างทยอยเรียกผู้สัมผัสทั้งหมด มาสอบสวนโรค ย้ำไทยอยู่ในสถานการณ์ 2 ยังระบาดในวงจำกัด 

25 กพ 63

วันนี้ ( 25 ก.พ.) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธาณสุข รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย กลับบ้านแล้ว 22 ราย รวมสะสม 37 ราย เราถูกจัดอันดับดีขึ้น เป็นอันดับที่ 10 ที่มีการแพร่ระบาด

2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 24 กุมภาพันธ์ 2563 สะสมทั้งหมด 1,580 ราย คัดกรองจากสนามบิน 70 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,510 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว และอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,160 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 420 ราย

3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 35 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ และ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 25 กุมภาพันธ์ 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 80,087 ราย เสียชีวิต 2,699 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 77,658 ราย เสียชีวิต 2,663 ราย

4.สำหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 2 ราย กลับบ้านได้อีก 1 ราย

ANN 4719

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า

นพ.สุขุม กล่าวว่า วันนี้ มีข่าวดีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย ที่จังหวัดกระบี่ เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 32 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวรายนี้ ได้เดินทางเข้าประเทศไทย ก่อนที่ประเทศจีนจะปิดสนามบินอู่ฮั่น

และวันนี้ได้รับรายงาน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง ทั้งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ผลยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่ม 2 ราย เดินทางมาโรงพยาบาลเอง

รายที่ 1 เป็นหญิงไทยอายุ 31 ปี อาชีพแม่บ้าน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลราชวิถี แพทย์ตรวจพบปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ แพทย์ได้ซักประวัติเพิ่มเติมพบประวัติสมาชิกในครอบครัวเดินทางกลับจาก เมืองกวางโจว ประเทศจีน เมืองที่มีการระบาด

รายที่ 2 เป็นชายไทยอายุ 29 ปี อาชีพขับรถ ทำงานสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยวชาวจีน มาด้วยอาการ ไข้ ไอ รับรักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค ได้ทำการสอบสวน และเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เพื่อส่งตรวจต่อไป และในบ่ายวันนี้จะนำข้อมูลผู้ป่วยและการสอบสวนโรค

เบื้องต้นเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้านต่อไป เพื่อพิจารณาโดยละเอียดอีกครั้ง ทำให้ขณะนี้ มีผู้ป่วยยืนยัน รวม 37 คน กลับบ้านได้ 22 คน คิดเป็น 60 % ผู้ป่วยยืนยัน รักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 15 คน เป็นอันดับ 10 ซึ่งเราถูกจัดอันดับดีขึ้น เพราะมีมาตรการป้องกัน และเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น

ANN 4844

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ร่วมกับโรงพยาบาล 2 แห่งที่มีการรักษาผู้ป่วยดังกล่าว นำผู้สัมผัสทั้งหมด ทยอยมาเฝ้าระวัง และตรวจ หากมีไข้จะแยกโรค ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค และสัมภาษณ์ ย้ำว่าทุกรายที่เป็นผู้สัมผัส ต้องถูกสอบสวน ซักประวัติ และตรวจ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ 2 ระบาดในวงจำกัด

นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า ผู้สัมผัสแต่ละคนจะไม่ได้เป็นพร้อมกัน และบอกไม่ได้ว่าใครเป็นบ้าง  อยู่ที่ภูมิคุ้มกันของแต่ละคน  สำหรับการที่พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการ ที่กระทรวงสาธารณสุขปรับนิยามการเฝ้าระวังคัดกรองตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 โดยขยายพื้นที่ครอบคลุมประเทศเสี่ยงใหม่ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน (ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) และ 8 จังหวัดของไทย คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย สมุทรปราการ กระบี่ ภูเก็ต ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์

ประเทศไทยได้มีการคัดกรองผู้เดินทางจากทุกด่าน ทั้ง ด่านท่าอากาศยาน ด่านท่าเรือ ด่านพรมแดนทางบก และจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 3,141,879 คน ณ 24 กุมภาพันธ์ 2563  รวมถึงการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาล และชุมชน พบผู้อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง 1,580 คน กักตัวไว้ที่โรงพยาบาล 420 คน กลับบ้านได้ 1,160 คน

ทั้งนี้การประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตราย อันดับ ที่ 14 เพื่อประโยชน์ ต่อการดูแลประชาชน มีกฎหมายรองรับ ทำให้โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ บุคลากรสามารถบังคับรับรักษา ปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัว ประโยชน์ต่อสังคมทำให้ประชาชนรู้สถานการณ์โรคเร็ว ลดการแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยจะมีการประชุมทางไกลทุกจังหวัด เพื่อวางแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับการประกาศต่อไป

โดยขอให้ประชาชนเลี่ยง เลื่อน การเดินทางไปยังพื้นที่ ที่มีการระบาดของโรค หากเลี่ยงไม่ได้ ขอให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข คือ หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ ที่มีคนหนาแน่น สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเมื่อกลับมาจากประเทศเสี่ยงให้แยกตัวเองออกจากสมาชิกในครอบครัว สังเกตอาการตัวเอง 14 วันหากมีไข้ ไอ จาม ให้พบแพทย์ทันที

กระทรวงสาธารณสุข ขอแนะนำประชาชนป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดย “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น สวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่สะอาด เมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ผู้ป่วย และผู้ที่มีอาการ ไอ จาม ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ สำหรับหน้ากากอนามัยประเภท N95 จะใช้ในเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาใกล้ชิดกับผู้ป่วย

กรณีประชาชนที่มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ที่มีการรายงานพบผู้ป่วย หลังเดินทางกลับประเทศไทยภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไอ เสมหะ หายใจเร็ว หอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาด และหากจำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด ขอให้หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงไปท่องเที่ยวตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย

โดยกระทรวงสาธารณสุข ขอย้ำให้ ประชาชนทั่วไป ดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแปรปรวน ใช้มาตรการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ”  และสวมหน้ากากป้องกันโรคเวลาไอ จาม หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ

ANN 4843

นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ย้ำว่า ผู้ป่วย COVID -19 ในไทย คงไม่ได้หยุดที่ 37 ราย จะเพิ่มขึ้น เพราะมีประชาชนไปขอตรวจจำนวนมากตามโรงพยาบาลต่างๆ ถือว่าเป็นการนำคนไข้มาสู่ระบบการตรวจรักษาและเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตามเราก็ต้องคัดกรองให้เข้าถึงกลุ่มเสียงป่วย COVID-19 จริงๆ เพราะตอนนี้ เรามีผู้ป่วยไข้หวัด 2 แสนคน ปอดบวม 5,000-ุ6,000 คน หลักของเรา คือ มีประวัติไปเมืองนอก หรือมีคนในครอบครวไปตางประเทศ เป็นต้น

 

 

Avatar photo