“กรมทางหลวง (ทล.)” เป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับว่า มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านถนนเป็นอย่างดี เห็นได้จากผลงานการพัฒนาทางหลวงและทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สารพัดโปรเจ็ค ที่มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงยังไม่คุ้นเคยกับการก่อสร้างถนนด้วยวิธี เจาะอุโมงค์ทะลุภูเขา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกับมิตรประเทศ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับหน่วยงานและประเทศไทย
“อภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย” รองอธิบดีกรมทางหลวง และ “ปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล” ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ร่วมกันให้ข้อมูลว่า กรมทางหลวงเตรียมขอให้ “องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA)” เข้ามาช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีการขุด เจาะอุโมงค์ เป็นระยะเวลา 3 ปี เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เรายังไม่เชี่ยวชาญ โดยทางญี่ปุ่นจะเริ่มส่งบุคลากรเข้ามาสอนกรมทางหลวง ในด้านการออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทะลุภูเขาในปลายปีนี้
ขณะเดียวกันกรมทางหลวงก็ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีเกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม เพราะเทคโนโลยีการระบายอากาศในอุโมงค์มีหลายรูปแบบ เช่น เจาะปล่อง หรือ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในอุโมงค์ ซึ่ง JICA ก็ต้องสอนเราออกแบบและก่อสร้างเช่นกัน โดยกรมทางหลวงจะนำองค์ความรู้ที่ได้รับ ไปทดลองโปรเจ็คนำร่อง 1 แห่งก่อน แล้วจึงพัฒนาโปรเจ็คที่มีขนาดใหญ่ขึ้นต่อไป
“เรากำลังเลือก Pilot Project กันอยู่และจะสรุปกันปลายปี ตอนนี้เล็งไว้ที่ทางหลวงหมายเลข 225 เขาพังเหย จังหวัดชัยภูมิ เพราะเส้นทางมันเล็กกำลังดี อุโมงค์สั้นประมาณ 1 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุนแพงกว่าทางยกระดับนิดหน่อย เป็นประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ส่วนจะทดลองจริงเมื่อไหร่ ยังเป็นเรื่องของอนาคต”
ที่ผ่านมา กรมทางหลวงเคยสร้างอุโมงค์บริเวณ ทางหลวงหมายเลข 304 เส้นทางกบินทร์บุรี-ปักธงชัย (ทางเชื่อมผืนป่ามรดกโลก) แต่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีขุด เจาะอุโมงค์ ทะลุภูเขา โดยครั้งนั้นใช้วิธีก่อสร้างโครงสร้างเหนือพื้นดิน แล้วนำดินไปถมทับโครงสร้างและจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนป่า เพื่อให้สัตว์ป่าสามารถเดินข้ามไปมาระหว่างผืนป่า 2 ฝั่งถนนได้ หรือเรียกว่าเป็น อุโมงค์เทียม
แต่ในอนาคต กรมทางหลวงมีโปรเจ็คจะขุด เจาะอุโมงค์ทะลุภูเขา ขนาดใหญ่ ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร ในโครงการ มอเตอร์เวย์ แหลมฉบัง – ปราจีนบุรี – นครราชสีมา เนื่องจากโครงการมอเตอร์เวย์ไม่มีรถขนาดเล็กใช้บริการ จึงสามารถก่อสร้างเป็นอุโมงค์ขนาดยาวได้
โดยโครงการมอเตอร์เวย์ เส้นทางแหลมฉบัง – ปราจีนบุรี – นครราชสีมา นับเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ ที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ด้านทิศใต้ และเป็นเส้นทางออกทะเลที่ใกล้ที่สุดของอีสาน
เบื้องต้น โครงการดังกลาวจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส คือ เฟสที่ 1 ช่วงแหลมฉบัง – ปราจีนบุรี ระยะทางประมาณ 130-140 กิโลเมตร งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ มีความคืบหน้าไปแล้วราว 50% หรือประมาณ 60-70 กิโลเมตร และจะเสนอของบประมาณประจำปี 2564 เพื่อออกแบบเพิ่มเติมอีก 60-70 กิโลเมตรให้แล้วเสร็จ
ส่วนเฟสที่ 2 ช่วงปราจีนบุรี – นครราชสีมา เป็นโครงการในอนาคตที่ยังไม่เริ่มออกแบบ โดยแนวเส้นทางจะพาดผ่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จำเป็นต้อง เจาะอุโมงค์ทะลุภูเขา ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร เพราะเส้นทางขึ้นภูเขาในปัจจุบันชันมาก มีรถบรรทุกเยอะและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแต่ละครั้ง ก็จะทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องไปอ้อมเส้นทางอื่น ที่มีระยะไกล แต่ถ้าพัฒนาอุโมงค์ขึ้นมา ก็จะทำให้ถนนมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ต้องศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างละเอียดด้วย
“หากโครงการสามารถพัฒนาได้ครบทั้ง 2 ระยะ กรมทางหลวงมั่นใจว่า จะเป็นมอเตอร์เวย์เส้นสำคัญของประเทศ สนับสนุนการขนส่งสินค้า เป็นประตูสู่อีสาน และทำให้การเดินทางเชื่อมโยงระหว่างอีสานและภาคตะวันออก ใช้เวลาลดลงจาก 5.30 ชั่วโมง เหลือ 3.30 ชั่วโมง”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นับถอยหลัง 5 เดือนเปิดมอเตอร์เวย์ ‘พัทยา-มาบตาพุด’ ค่าผ่านทาง 10-305 บาท
- ‘ทางหลวง’ ยันค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ 2 เส้นใหม่เป็นธรรม อิงตามเศรษฐกิจ
- ทอ.พร้อมหนุนรัฐบาล ใช้พื้นที่ทหาร ‘กักโรค’ คนไทยจากอู่ฮั่น
- ลงนามแล้ว! ยุติ ‘ค่าโง่ทางด่วน’ 5.8 หมื่นล้าน กทพ. เร่งถอนฟ้อง 17 คดี