“สมพงษ์” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวนำอัด นายกฯ “ไม่ยึดมั่น-ศรัทธาประชาธิปไตย มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู” ด้าน “ชวน” แจ้งนายกฯต้องชี้แจงเอง เตือนสมาชิกพาดพิงบุคคลภายนอกรับผิดชอบเอง ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 151 จำนวน 6 คน ประกอบด้วย
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
2. พล..อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
3. พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
4. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
5. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
6. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้นายชวน แจ้งต่อที่ประชุมว่า รัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ชี้แจงแทนนายกฯ นอกจากนายกฯ จะมอบหมายให้ตอบแทนเท่านั้น และการอภิปรายครั้งนี้ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเนื่องจากมีการถ่ายทอดสด เพราะฉะนั้นหากพาดพิงบุคคลภายนอกต้องรับผิดชอบเอง
นายสมพงษ์ กล่าวว่า สำหรับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้อง กลั่นแกล้งข้าราชการประจำ ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต และประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกว้างขวาง ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรม มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิใช่อำนาจหน้าที่ของตนตามที่กฎหมายบัญญัติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทข้ามชาติ ส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ขณะที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปได้