ความมั่งคั่งของซีอีโอเฟซบุ๊ก “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” หายไปในวันเดียวเกือบ 16,000 ล้านดอลลาร์ จากการที่ราคาหุ้นของยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสังคมรายนี้ดิ่งลงไปเกือบ 20% หลังตลาดเปิดซื้อขายได้ไม่นานนัก จ่อสร้างสถิติราคาร่วงลงมากสุดในวันเดียวในประวัติศาสตร์ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ
โบรกเกอร์อย่างน้อย 16 ราย หั่นราคาเป้าหมายของเฟซบุ๊กลงมา หลังจากที่บริษัทระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล และการชะลอตัวด้านโฆษณาของบริษัท อาจส่งผลกระทบต่อส่วนต่างผลกำไรของบริษัทนานกว่า 2 ปี
หุ้นเฟซบุ๊กราคาร่วงลงไปมากถึง 19.6% มาอยู่ที่ 174.78 ดอลลาร์ ระหว่างการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ (26 ก.ค.) ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งราคาหุ้นที่ร่วงลงนี้ ทำให้มูลค่าทางตลาดของบริษัทหายไปราว 124,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 4 เท่าของมูลค่าตามราคาตลาดของทวิตเตอร์ อิงค์
นักวิเคราะห์ ยังชี้ว่า รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของเฟซบุ๊ก ถือเป็นสัญญาณแรกในเรื่องที่ว่า กฎหมายความเป็นส่วนตัวของสหภาพยุโรป (อียู) และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลส่วนตัวในคดีอะนาไลติกา และผู้พัฒนาแอพพลิเคชันรายอื่นๆ กำลังส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ
เฟซบุ๊กเตือนด้วยว่า การเติบโตของรายได้จากตลาดเกิดใหม่ และแอพพลิเคชันอินสตาแกรมของบริษัท ที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า ไม่สามารถช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และการชะลอตัวในตลาดโฆษณาได้
นักวิเคราะห์บางราย แสดงความเห็นว่า ปัญหาที่เฟซบุ๊กเผชิญอยู่นั้น แก้ไม่ได้ง่ายๆ เหมือนกับปัญหาของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ
“เฟซบุ๊กแตกต่างจากเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งประกาศรายได้รายไตรมาสลดลงเช่นกัน แต่นักวิเคราะห์มองกรณีของเน็ตฟลิกซ์เป็นแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น แต่เรื่องของเฟซบุ๊กถูกมองว่า เป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นื แม้จะเพียงบางส่วนของที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม” นักวิเคราะจากบีเอ็มโอ แคปิตัล มาร์เก็ตส์ ระบุ
