เอดีเอ ประเทศไทย เผยแบรนด์ในไทยหันมาใช้ Data-Driven Marketing มากขึ้น พร้อมเปิด 7 เทรนด์การตลาดปีนี้ ออมนิแชนแนล สมาร์ทโฟน เทคโนโลยี เออาร์/วีอาร์ ออนไลน์วิดีโอ ทวีความสำคัญ
นายศุภกิตติ์ ลิ้มบุญทรง ผู้อำนวยการบริหาร เอดีเอ ประเทศไทย บริษัทโฆษณาดิจิทัลครบวงจร ในเครือ เอเชียต้า กรุ๊ป จากประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า แม้ว่าปัจจุบันข้อมูลหรือดาต้าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น แต่ความสามารถในการเข้าถึงดาต้า ไม่ได้หมายถึงความสามารถในการเข้าใจผู้บริโภคหรือ กลุ่มเป้าหมายเสมอไป
ทั้งนี้เนื่องจากการจะเข้าใจผู้บริโภค ต้องอาศัยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลายได้อย่างลึกซึ้งด้วย และที่สำคัญต้องสามารถนำความรู้ที่ได้จากการวิเคราะห์ดาต้ามาประยุกต์ให้เป็นกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับแบรนด์ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หรือ Data-Driven Marketing อย่างแท้จริง
ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ในประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของ Data-Driven Marketing แล้วว่าสามารถช่วยเพิ่มยอดขาย หรือสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ (conversion) ได้จริง และในปีนี้ จะเห็นแบรนด์ต่างๆ เริ่มนำดาต้ามาวิเคราะห์เพื่อติดตามพฤติกรรม และความสนใจของกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะลึกมากขึ้น
ขณะที่กลยุทธ์หลักจะเป็นการใช้การตลาดแบบเฉพาะเจาะจง และการใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบเป็นรายบุคคล และสามารถตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งขณะนี้หลายแบรนด์เริ่มหันมาลงทุนในเทคโนโลยีการตลาด (MarTech) และระบบอัตโนมัติกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้าน นายวิตตอริโอ เฟอร์ลัน หัวหน้าฝ่ายข้อมูลธุรกิจเชิงลึกของเอดีเอ กล่าวสรุปถึงเทรนด์การตลาดที่จะเข้ามามีอิทธิพลต่อนักการตลาดและผู้บริโภคในปี 2563 นี้ ได้แก่
- ออมนิชาแนล (Omni-Channel) คาดว่าจะมีความสำคัญมากขึ้น ด้วยช่องทางที่หลากหลาย และเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลาในยุคดิจิทัล การบริหารจัดการช่องทางต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยคาดว่ามูลค่ารวมของแพลตฟอร์มออมนิแชนแนลจะเติบโตกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
- Data Unification หรือการรวบรวมดาต้าของแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่มากมายและกระจัดกระจายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายหรือแต่ละบุคคล หรือช่วยการตัดสินใจทางธุรกิจ
- Mobile First พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความสำคัญกับโทรศัพท์มือถือมากกว่า 90% แบรนด์ยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์จึงต้องปรับกลยุทธ์มาสร้างช่องทางเชื่อมโยงกับลูกค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นช่องทางที่จะได้รับความนิยมสูงที่สุดในอนาคต
- เทคโนโลยีสำหรับการผลิตวิดีโอจะได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง จากความนิยมในการรับชมคลิปวิดีโอผ่านช่องทางออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2563 คนจะใช้เวลาดูวิดีโอออนไลน์มากกว่าดูทีวีเป็นครั้งแรก ค่าเฉลี่ยต่อคนจะอยู่ที่ 84 นาทีต่อวัน
- การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search Optimisation : VSO) จะได้รับความนิยมแซงหน้าเสิร์ชเอนจิ้น โดยคาดว่าจะมีการใช้ VSO มากกว่า 50% ของการค้นหาทั้งหมด และการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเสียง จะมีมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
- เอไอ จะมีอายุ 65 ปีในปี 2563 หมายความว่า เอไอได้ใช้เวลาเรียนรู้เรื่องต่างๆ มาแล้วกว่า 65 ปี ซึ่งจะเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคในการรับสื่อแบบเฉพาะบุคคล
- เออาร์ และ วีอาร์ ยังคงโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีมูลค่าราว 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 ทำให้ผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการบริโภคสื่อรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทคโนโลยีโฮโลแกรมจะได้รับการพัฒนาให้น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ และเป็นที่หนึ่งในยุคดิจิทัลนี้ได้ ก็คือ การสร้างวัฒนธรรมการเติบโตและเรียนรู้ขององค์กร และการเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้ลองสิ่งใหม่ๆ ได้ลองผิดลองถูก เพื่อหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแบรนด์ที่สุดในยุคดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น
