General

ไทยจ่อประกาศ ‘โควิด-19’ เป็นโรคติดต่ออันตราย

“กระทรวงสาธารณสุข” รายงานยอดผู้ป่วยไวรัส “โควิด-19” คงที่ 35 ราย กลับบ้านแล้ว 17 ราย พร้อมเตรียมประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตราย

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานตัวเลขสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในประเทศไทยว่า ยอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 18 ราย กลับบ้านแล้ว 17 ราย รวมสะสม 35 ราย โดยมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,052 ราย คัดกรองจากสนามบิน 58 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 994 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 861 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 191 ราย

ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกใน 28 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์ 2563 (09.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 75,725 ราย เสียชีวิต 2,126 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 74,577 ราย เสียชีวิต 2,118 ราย

ไวรัส12263

“ขณะนี้ในต่างประเทศมีการรักษาโดยใช้ยา อย่างยา Favilavir ซึ่งคนไข้ทั้ง 2 รายได้รับยาดังกล่าว และยังได้ใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า สธ.ไม่มีนโยบายกักกันผู้โดยสาร และกีดกันการเดินทางแต่อย่างใด” นพ.รุ่งเรือง กล่าว

ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงมีข้อเสนอประกาศโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายว่า กระบวนการประกาศเป็นโรคติดต่ออันตรายนั้น ในส่วนของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการแล้ว และกำลังจะร่างประกาศเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ในวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งคาดว่าจะลงมติเห็นชอบในวันนั้นให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันรู้จักโรคมากขึ้น และหลายประเทศก็ยกระดับให้โรคนี้มีความสำคัญมากกว่าโรคติดต่อทั่วไป

IMG 20200220150340000000

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้กล่าวยืนยันว่า เราไม่มีการปิดบัง หรือบิดเบือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทย ขอให้ประขาชนมั่นใจในมาตรการ ป้องกันและควบคุมโรคที่ดี เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่เริ่มคัดกรองทุกสนามบิน แจกบัตรคำแนะนำสุขภาพให้นักท่องเที่ยว มัคคุเทศน์ และสถานบริการต่างๆ และที่สำคัญเรามีบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครที่ความสามารถ ทุ่มเท เสียสละ ขอเชื่อมั่น ให้กำลังใจและให้ความร่วมมือ

“ที่ประชุมมีนโยบายบูรณาการ อาทิ เรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในพื้นที่ ในส่วนของประเทศไทยจะต้องป้องกันตรงนี้ให้นานที่สุด โดยเฉพาะคำแนะนำในการป้องกันตนเองของประชาชน ทั้งการล้างมือบ่อยๆ การสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าสำหรับคนไม่ป่วย เพื่อให้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ของบุคลากร หรือผู้สัมผัสใกล้ชิดจะได้มีเพียงพอ ที่สำคัญเราไม่มีปกปิดข้อมูลแน่นอน” นพ.โสภณ กล่าว

Avatar photo