ตลาดโตเกียวเปิดซื้อขายวันนี้ (26 ก.ค.) ในแดนบวก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนายฌอง คล็อด ยุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการยุโรป บรรลุข้อตกลงที่ช่วยลดความตึงเครียดในความขัดแย้งทางการค้าลงมา ทำให้นักลงทุนพากันคลายความวิตกในเรื่องนี้
ดัชนีนิกเคอิ เปิดตลาดปรับตัวขึ้นมา 0.02% หรือ 4.15 จุด มาอยู่ที่ 22,618.40 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่ 22,592.24 จุด ลดลง 20.65 จุด หรือ 0.09%
แม้จะบรรเทาความวิตกในเรื่องความขัดแย้งทางการค้าลงมา แต่ตลาดญี่ปุ่นยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย (บีโอเจ) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ที่คาดว่าจะมีการหารือถึงทิศทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมาก ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งการจับตามองในเรื่องนี้ ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นราคาสูง
อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์การประชุมสหรัฐ-อียู ช่วยหนุนให้หุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,414.10 จุด เพิ่มขึ้น 172.16 จุด หรือ 0.68% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,846.07 จุด เพิ่มขึ้น 25.67 จุด หรือ 0.91% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,932.24 จุด เพิ่มขึ้น 91.47 จุด หรือ 1.17%
ทั้งนี้ สหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ รวมทั้งขจัดอุปสรรคทางการค้า และสนับสนุนการค้าสินค้าประเภทดังกล่าว ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
ทรัมป์ ระบุว่า อียูได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลือง และก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ และ อียูจะเป็นไปในลักษณะได้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่สหรัฐคาดหวังไว้
ทางด้านนายยุงเกอร์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินไป โดยข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้าสินค้าในกลุ่มรถยนต์
ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐได้เรียกร้องให้นายยุงเกอร์ยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้า ขจัดอุปสรรคด้านการค้า และสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม ส่วนนายยุงเกอร์ ย้ำว่า สหรัฐและอียูเป็นพันธมิตร ไม่ใช่ศัตรู และทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีสัดส่วนการค้ารวมกันสูงถึงครึ่งหนึ่งของมูลค่าการค้าโลกนั้น ต้องร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้า
