Finance

ลุ้นกำไรหุ้น ‘บิ๊กแคป’ ดีกว่าคาด!!

เข้าสู่เทศกาลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2 และครึ่งแรกของปี 2561 ประเดิมไปด้วยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปรากฏว่า ออกมาดีกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ ซึ่งไตรมาส 2 ปี 2561 มีกำไรสุทธิรวม 5.53 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น16%จากงวดเดียวกันปีก่อน  และครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิรวม 1.06 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพรวมกำไรกลุ่มแบงก์ดีขึ้น เนื่องจากสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลง ตั้งสำรองลดลง และที่สำคัญมีกำไรจากเงินลงทุน และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนช่วยหนุน

ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก หรือหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเซ็ท 50 กำลังจะเริ่มทยอยผลประกอบการออกมาเช่นกัน  และเมื่อสำรวจความคิดเห็นโบรกเกอร์ก็จะพบว่าผลประกอบการของหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเรียลเซกเตอร์ในไตรมาส 2 ปีนี้คาดว่าจะทรงตัว และอาจมีบางแห่งที่กำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากเงินลงทุน และน่าจะเป็นตัวแปรที่ประคองให้กำไรมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เช่นเดียวกัน

พบชัย ภัทรวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นว่า นักวิเคราะห์ประเมินผลประกอบการหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักหากพิจารณาจากกำไรจากการดำเนินงานน่าจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่อาจมีกำไรจากการทำรายการพิเศษเข้ามาสนับสนุนให้มีโอกาสที่จะสูงกว่าที่โบรกเกอร์ประมาณการไว้

“กลุ่มแบงก์ดีกว่าคาดเพราะนักวิเคราะห์ประเมินอย่างระมัดระวัง และมีรายงานได้อื่นเข้ามาทำให้ผลประกอบการดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าดูเฉพาะผลประกอบการจากการดำเนินงานโดยตรง น่าจะทำได้แค่ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น”

หุ้นที่คาดว่าเติบโต ไตรมาส1 ปี 2561 01

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่คาดว่ากำไรจะทรงตัว ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี และพลังงาน  โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น แม้ว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 2 แต่โดยรวมกำไรน่าจะลดลงมากกว่า ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีน่าจะทรงตัว  โดยนักวิเคราะห์ประมาณการกำไร หุ้น PTTEP คาดว่าจะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 4,535 ล้านบาทลดลง 66%หากเทียบจากไตรมาส1ปี 2561 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาระขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และภาระภาษี

หุ้นกลุ่มค้าปลีก ผลการดำเนินงานน่าจะชะลอตัว แม้ว่าจะได้ช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกมาสนับสนุนแต่เกิดขึ้นปลายไตรมาสจึงยังไม่ได้รับรู้เต็มที่ ขณะเดียวกันธุรกิจก็มีการแข่งขันที่รุนแรง ส่วนหุ้นรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ มีทั้งกำไรที่เพิ่มขึ้นและลดลง ซึ่งหุ้น SCC คาดว่าจะมีกำไร 1.2 หมื่นล้านบาท ทรงตัวหากเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน

ด้านกลุ่มสื่อสาร เช่นหุ้น  ADVANC คาดว่ากำไรไตรมาส 2 จะเติบโตเพียง 1.2% หรือมีกำไรราว 8.13 พันล้านบาท โดยมีกำไรรับรู้ผลประกอบการของหุ้น CSL เข้ามาด้วย ส่วนหุ้น TRUE จะพลิกมามีกำไร เพราะรับรู้จากการขายเงินลงทุนเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน DIF แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะกำไรปกติคาดว่าจะมีผลขาดทุนประมาณ 850 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์  บล.บัวหลวง  ระบุว่าบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศงบไตรมาส 2 ปี 2561 ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้นSCC, DELTA, GLOW, PTTEP ซึ่งที่ผ่านมางบ บจ.ไทย ออกมาดีกว่าคาด ได้แก่ TISCO ,TCAP, KTC, BBL, KBANK, SCB

สำหรับคาดการณ์กำไรไตรมาส 2-3 ของปี 2561 ในส่วนของบริษัทจดทะเบียนที่ศึกษาที่คาดว่า จะรายงานกำไรออกมาเติบโตสูงทั้งงวดเดียวกันปีก่อนและไตรมาส 1 ปี 2561ต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ปี2561 ได้แก่ RS ,SC, HUMAN, GOLD, PLANB, MTC, BCH, TKN, ANAN, GPSC, CPF, BAY, TK, STANLY

หุ้นที่คาดว่าเติบโต ไตรมาส1 ปี 2560 01

บล.ทิสโก้ ระบุว่า หุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 2 ปี 2651 ในเบื้องต้นจะออกมาดีทั้งงวดเดียวกันปีก่อนและไตรมาส 1 ปี 2561 ประกอบด้วย หุ้น ANAN , ASAP , BANPU , BEM , CMAN , HMPRO , IVL , JWD , MTC , PLANB , PSL , QH , SEAFCO , SC , TPIPP , UTP  ส่วนบริษัทที่งบการเงินจะออกมาดีหากเทียบเฉพาะงวดเดียวกันปีก่อน  ได้แก่ หุ้น AP , BCH , BJC , COM7 , CPALL , INTUCH , IRPC , KKP , LPN , MC , MINT , ROJNA , SF , SPA , TVO

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวรีบาวด์ทะลุ  1,650 จุดภายหลังกลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2561 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) ของดัชนีหุ้นไทยถูกปรับขึ้นอย่างมีนัย ด้วยเหตุนี้ ดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมานี้ จึงตามมาด้วยมูลค่าพื้นฐาน (Valuation) ที่แพงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์ ยังคงไม่แนะนำให้นักลงทุนระยะสั้นเข้าเก็งกำไรในตลาดช่วงนี้ อย่างไรก็ดี จาก Valuation ของตลาดหุ้นไทยที่ถือว่ายังไม่ได้อยู่ในบริเวณที่ตึงตัว จึงแนะนำนักลงทุนระยะกลาง-ยาวสามารถถือหุ้นต่อไปได้ จนกว่าดัชนีจะปรับตัวถึงระดับ 1,700 จุด ซึ่งเป็นกรณีดีที่สุดประเมินไว้ของเดือนนี้

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่ ณ เวลานี้ มองว่าจำเป็นที่จะต้องโฟกัสไปยังหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) ที่ยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดในเดือนนี้ และเป็นหุ้นที่ยังคงคำแนะนำซื้อ ในเชิงพื้นฐาน ซึ่งได้แก่ TISCO, PTTEP, TMB, TU, LH, CPALL, BBL, SCC ส่วนดัชนีมีแนวรับที่  1,667 จุด  แนวต้านที่ 1,690 จุด

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight