“ทูตไทยประจำเทลอาวีฟ” เข้าพบ “รองปลัดกต.อิสราเอล” แจงมาตรการรับมือโควิด-19 พร้อมขอเชื่อมั่นหลังประกาศห้ามคนมาจากไทยเข้าประเทศ
นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลออกประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาให้ผู้ที่เดินทางมาจากมาเก๊า ประเทศไทย สิงคโปร์และฮ่องกงต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน (home quarantine) เป็นเวลา 14 วัน หลังจากเดินทางถึงอิสราเอล
ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานเพิ่มเติมจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟว่า วานนี้ (18 ก.พ.) หน่วยงานประชากรและตรวจคนเข้าเมือง (PIBA) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลได้ออกประกาศปฏิเสธบุคคลที่เคยเดินทางไปมาเก๊า ประเทศไทย สิงคโปร์ และฮ่องกงในช่วง 14 วันก่อนหน้าเข้าอิสราเอล ซึ่งเป็นการประกาศเพิ่มเติมจากจีนก่อนหน้านี้ ยกเว้นบุคคลที่ถือสัญชาติอิสราเอลหรือมีถิ่นพำนักในอิสราเอล
“น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เข้าพบนาย Gilad Cohen รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มาตรการป้องกัน คัดกรอง ควบคุมและรักษาโรคของไทย เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และสร้างความเข้าใจ ความมั่นใจเกี่ยวกับมาตรการของไทยในเรื่องนี้แล้ว โดยกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลรับฟังด้วยความเข้าใจ และจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอิสราเอล โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลต่อไป” รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายณัฐภาณุ กล่าวว่า ไทยตระหนักดีถึงความพยายามของอิสราเอลในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสภายในประเทศ แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อิสราเอลจะมีความเชื่อมั่นในมาตรการควบคุมการเผยแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสของไทย และพิจารณาทบทวนมาตรการเรื่องนี้ โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ไทย-อิสราเอล ในภาพใหญ่และทุกมิติ และร่วมกันกับประชาคมโลกในการแก้ไข ฟันฝ่าสถานการณ์โควิด-19 ไปด้วยกัน
