ถ้าสังเกตกันดี ดี คนไทยมีนิสัยที่คล้ายกันอย่างหนึ่งคือ ติดทานหวาน คืออาหารไทยส่วนใหญ่จะหวานนำ ยิ่งเป็นของหวานด้วยแล้ว ยิ่งหวานใหญ่เลย แถมใส่น้ำกะทิเสริม หวานมันเค็ม กันเลยทีเดียว จริง ๆ แล้วในทางโภชนาการ “น้ำตาล” ให้แต่พลังงาน แต่ไม่ได้ให้สารอาหารอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเลย ดังนั้น การทานน้ำตาลมาก ทำให้ได้แต่พลังงานที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว เมื่อพลังงานมากขึ้น แล้วขาดการออกกำลังกาย ก็จะทำให้รูปร่างอ้วน และมีการสะสมเป็นไขมัน แถมโรคต่าง ๆ จะตามมากันเพียบ
ทีนี้ เรามาดูกันว่า 8 ข้อดี ที่ร่างกายจะได้ เพียงแค่ “ลดหวาน”
- เลิกติดหวาน
แน่นอน พวกเราทราบกันดีว่า น้ำตาลนั้น แสนอันตรายขนาดไหน บางท่านทานทุกเมนูติดหวานตลอด ไม่ว่าจะเป็น ทานก๋วยเตี๋ยว ก็นิยมใส่น้ำตาลสามสี่ช้อนเต็ม ๆ นี่ยังไม่นับรวมของหวาน ที่มีความหวานในตัวแล้ว หรือยกตัวอย่าง ในนม 1 แก้ว มีน้ำตาลถึง 12 กรัม หรือ 3 ช้อนชากันเลยทีเดียว โดยเฉพาะพวกชา กาแฟ อย่างกาแฟ 1 แก้ว ใส่น้ำตาล หรือนมข้นหวานเข้าไปอีก บอกได้เลยว่า น้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่มที่เราดื่มในแต่ละวัน ไม่ใช่น้อยๆ เลย ลองคิดดูนะคะว่า ถ้าเราสามารถลดน้ำตาล ฝึกทานอาหารจืด ๆ แล้วไม่ต้องเติมน้ำตาลลงไปเพิ่ม ไม่ซื้อขนมมาตุนไว้ ฯลฯ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถห่างไกลโรคต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย
- เพิ่มความแจ่มใสให้สมอง
ผลการศึกษาและวิจัยมากมาย ให้ผลตรงกันว่า น้ำตาลสามารถชะลอกิจกรรมทางสมอง เช่น การเรียนรู้ และความทรงจำ และถ้าสามารถลดคาเฟอีน และนิโคตินที่อยู่ในกาแฟ นิโคติน อยู่ในบุหรี่ ได้ นักวิจัยในอเมริกาพบว่า คาเฟอีน และนิโคติน ช่วยยับยั้งการดูดซึมวิตามินที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองด้วย
- ลมหายใจสดชื่น
จริง ๆ แล้ว น้ำตาลไม่ได้เป็นตัวก่อให้เกิดโรคเหงือก หรือ ทำให้ฟันผุ แต่น้ำตาล เป็นแหล่งอาหารชั้นดี ของแบคทีเรีย ที่อาศัยอยู่ในช่องปาก ถ้าเราทานน้ำตาล ส่งผลอย่างมากต่อช่องปาก ทำให้มีกลิ่นปาก กลิ่นปากของคนเราส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียภายในช่องปาก เริ่มจากแบคทีเรียที่มีขนาดจิ๋ว ในช่องปากย่อยสลายเศษอาหาร เศษเซลล์เยื่อบุในช่องปาก และน้ำลาย ผลของการย่อยสลายจะได้สารประกอบกำมะถัน ที่มีกลิ่นคล้ายไข่เน่า เห็นชัดเจนว่าลดน้ำตาล ถือเป็นการช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ได้อย่างดี
- ห่างไกลโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ เป็นภาวะสมองเสื่อมชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการตายของเซลล์สมอง ทำให้การทำงานของสมองเสื่อมถอยลง จนกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และแน่นอน ภาวะสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ จะมีการดำเนินของโรคแย่ลงเรื่อย ๆ และแน่นอน เมื่อเราทานอาหารหวาน เข้าไปในปริมาณมาก ๆ สมองจะรู้สึกดี และมีความต้องการมากขึ้นอีก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะความต้องการน้ำตาลในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลต่อการเสียการควบคุมภายในสมองของเรานั่นเอง
- ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ใครที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพผิวพรรณ หรือมีสิวขึ้นตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นสิว ตามใบหน้า ที่ใช้โฟมล้างหน้า ครีมทาสิว เท่าไหร่ก็ไม่หายสักที ต้องฟังทางนี้เลยค่ะ เพราะมีงานวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า น้ำตาลเป็นหนึ่งในปัจจัยทำลายอีลาสติน และคอลลาเจนในผิว สังเกตได้จากคนที่เป็นโรคเบาหวาน จะมีสภาพผิวที่ค่อนข้างกร้านกว่าคนทั่วไป และจะมีริ้วรอยที่เกิดขึ้นแบบชนิดเห็นได้ชัดมาก เนื่องจากเอมไซม์และน้ำตาลได้เข้าไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินในผิว นั่นเอง (ในเรื่องน้ำตาลกับสุขภาพผิว น่าสนใจมาก เดี๋ยวจะมีเขียนในฉบับเต็มอีกครั้ง นะคะ)
หากเราเลิกทานน้ำตาลได้ หรือ ลดทานหวานได้ นอกจากร่างกายสุขภาพดี ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งด้วยค่ะ
- หัวใจแข็งแรง
การรับประทานน้ำตาลที่มากเกินขนาด สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจวายได้ เมื่อมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน น้ำตาลจะตกตะกอนจับตัวอยู่ตามผนังหลอดเลือดหนามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อระดับน้ำตาลมากขึ้น ภาวะไขมันในเลือดก็จะสูงขึ้นตามด้วย ระบบเลือดไหลเวียนไหลไม่สะดวก เพราะมีชั้นน้ำตาลและไขมันพอกเยอะขึ้น จึงเป็นผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนล้า จนทำให้เกิดโรคหัวใจตามมา เห็นได้ชัดว่า ถ้าเราเพียงแค่ ลดทานหวาน ก็สามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ด้วย
- ไขมันในเลือดลดลง
ไขมันในเลือดลดลง หรือ คอเลสเตอรอลลดลง นั่นเอง ปริมาณน้ำตาลในร่างกายที่สูงขึ้น เพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลและไขมันในเส้นเลือด ที่จะไปอุดตันหลอดเลือด และอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคหัวใจ ขณะเดียวกัน อาจจะแทรกเข้ามาในเรื่องภาวะความดันในเลือดสูงร่วมกับการที่เส้นเลือดเปราะ จึงส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดแตกในจุดต่าง ๆ และหากเป็นจุดที่สำคัญ ๆ เช่น สมอง หัวใจ จะส่งผลถึงแก่ชีวิตได้ เพราะฉะนั้น อย่ารอช้า ลดน้ำตาลวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นๆ
- อารมณ์ดีขึ้น
เวลาเครียด เราทักอยากทานของหวาน เพราะรสหวานที่ลิ้น จะช่วยกระตุ้นให้หลั่งสารเคมีในสมอง คอ เอนดอร์ฟิน และเซโรโทนิน ซึ่งช่วยให้อารมณ์ดี และทำให้อารย์สงบไม่รุ่มร้อน ได้ยินเช่นนี้ อย่างเพิ่งระดมทานของหวานกันนะคะ มีข้อแม้อยู่ว่า “น้ำตาลเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานเท่านั้น ที่จะให้ความสุขกับการทานและคุมน้ำหนักได้พร้อม ๆ กันนะคะ” และแน่นอน ปริมาณที่เหมาะสมที่แนะนำได้คือ ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
เพียง 8 ข้อ แค่ลดหวาน ห่างไกลโรคได้จริง ๆ ค่ะ และยังทำให้เรามีสุขภาพดีขึ้น แถมผิวสวยขึ้นได้ด้วยค่ะ
#คินน์เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและยั่งยืน
www.kinn.co.th