ไทยพบผู้ติด “ไวรัสโควิด-19” เพิ่ม 1 คน เป็นหญิงชาวจีนอายุ 36 ปี ดันยอดติดเชื้อสะสมพุ่ง 35 ราย หายกลับบ้าน 15 ราย สั่งเพิ่มการเฝ้าระวังเป็นพิเศษผู้ป่วยมีประวัติเดินทางมาจากประเทศที่มีรายงานพบการแพร่เชื้อ
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ไทยพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ “ไวรัสโควิด-19” เพิ่ม 1 รายเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเพศหญิงอายุ 68 ปี ซึ่งเป็นผู้สัมผัสของผู้ป่วยยืนยันรายที่ 22 และอยู่ระหว่างการติดตามเฝ้าระวังมาตั้งแต่แรกอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบว่ามีไข้ ไอ จึงรับเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษา (เป็นผู้ป่วยรายที่ 4 ในครอบครัวเดียวกัน) นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 35 ของประเทศไทย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 35 ราย หายกลับบ้านแล้ว 15 ราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกใน 27 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 17 กุมภาพันธ์ 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน71,242 ราย เสียชีวิต 1,770 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 70,461 ราย เสียชีวิต 1,765 ราย
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ขยายการเฝ้าระวัง ใน 3 กลุ่ม ดังนี้
1. ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และผู้ป่วยที่เป็นผู้ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
2. เพิ่มการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและในโรงพยาบาล หากเป็นผู้เดินทางจากประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า จีนไทเป ญี่ปุ่น สิงค์โปร์และประเทศที่มีรายงานการระบาดรวมถึงระบาดในชุมชน
3.ในส่วนของโรงพยาบาลให้เพิ่มการเฝ้าระวังเป็นพิเศษกรณีที่ผู้ป่วยมีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศที่มีรายงานพบการแพร่เชื้อในชุมชนภายในประเทศนั้นๆ (local transmission)
“แม้ไทยจะควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิด-19ไว้ได้ในวงจำกัดได้ก็ตาม แต่กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการซ้อมแผนรับสถานการณ์ หากเกิดความรุนแรงของการระบาดขึ้น ได้หารือร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด ผู้ตรวจราชการทั้ง 12 เขต กำหนดการกักกัน เตรียมบุคลากรและทรัพยากร แต่อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้าสภาพอากาศ เข้าสู่ได้ดูร้อนสถานการณ์การแพร่ระบาดน่าจะดีขึ้น” ปลัดสธ.กล่าว
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีเรือสำราญเวสเตอร์ดัมว่า หลังจากที่มาเลเซียตรวจพบผู้ติดเชื้อ จากเรือเวสเตอร์ดาม เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ปรับการกักโรค แยกตัวชาวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่จะเดินทางมา ต่อเครื่องในประเทศไทยให้มีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง คือ
1. กรณีคนไทยกลับบ้านมีการดูแลติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วันหากจะเดินทางต่อ มีการคัดกรองก่อนขึ้นเครื่อง หากมีไข้ไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่องและส่งเข้ารักษาตามระบบ
2. คนต่างชาติจะไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ ทั้งการต่อเครื่องและเปลี่ยนเครื่อง โดยจะประสานงานกับสายการบิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศและบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หากจำเป็นจะเดินทางเข้าประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคของไทยอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ พร้อมแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ ตรวจคัดกรองก่อนขึ้นเครื่อง( exit screening/ entry screening ) และหากตรวจพบเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ไข้ ไอ จะถูกส่งเข้าระบบเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคของประเทศไทยทันที
